โปรแกรมหาตัวประกอบของจำนวนนับ
ใส่ตัวเลขที่ต้องการหาตัวประกอบ โปรแกรมจะแสดงคำตอบและวิธีการแยกตัวประกอบให้อัตโนมัติ
เทพควิช-lnwquiz

ตัวประกอบของ 87102 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 87102

คำนิยาม

ตัวประกอบของ 87102 มีอะไรบ้าง

ตัวประกอบของ 87102 มีทั้งหมด 16 ตัวคือ 1, 2, 3, 6, 9, 18, 27, 54, 1613, 3226, 4839, 9678, 14517, 29034, 43551, 87102
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
87102 ÷ 1=87102เหลือเศษ 0
87102 ÷ 2=43551เหลือเศษ 0
87102 ÷ 3=29034เหลือเศษ 0
87102 ÷ 6=14517เหลือเศษ 0
87102 ÷ 9=9678เหลือเศษ 0
87102 ÷ 18=4839เหลือเศษ 0
87102 ÷ 27=3226เหลือเศษ 0
87102 ÷ 54=1613เหลือเศษ 0
87102 ÷ 1613=54เหลือเศษ 0
87102 ÷ 3226=27เหลือเศษ 0
87102 ÷ 4839=18เหลือเศษ 0
87102 ÷ 9678=9เหลือเศษ 0
87102 ÷ 14517=6เหลือเศษ 0
87102 ÷ 29034=3เหลือเศษ 0
87102 ÷ 43551=2เหลือเศษ 0
87102 ÷ 87102=1เหลือเศษ 0
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 87102
1 x 87102
2 x 43551
3 x 29034
6 x 14517
9 x 9678
18 x 4839
27 x 3226
54 x 1613
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 87102
1 + 2 + 3 + 6 + 9 + 18 + 27 + 54 + 1613 + 3226 + 4839 + 9678 + 14517 + 29034 + 43551 + 87102 = 193680
ตัวประกอบของ 87102 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 3, 1613
การแยกตัวประกอบคืออะไร

87102 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้

87102 = 2 x 3 x 3 x 3 x 1613
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 87102 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
87102 = 2 x 33 x 1613
วิธีการแยกตัวประกอบ

1. การแยกตัวประกอบของ 87102 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲

วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 87102 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 87102 มา 1 คู่ เช่น 2 x 43551
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 87102
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 87102 แบบที่หนึ่ง
  • 87102
    • 54
      • 6
        • 2
        • 3
      • 9
        • 3
        • 3
    • 1613

ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 87102 แบบที่สอง
  • 87102
    • 2
    • 43551
      • 3
      • 14517
        • 3
        • 4839
          • 3
          • 1613
ดังนั้น 87102 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
87102 = 2 x 3 x 3 x 3 x 1613
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
87102 = 2 x 33 x 1613 หรือ 21 x 33 x 16131

2. การแยกตัวประกอบของ 87102 ด้วยวิธีหารสั้น

วิธีทำ
1หาร 87102 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 87102 นั้นก็คือ 2, 3, 1613 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 87102

2
)87102
3
)43551
3
)14517
3
)4839
1613
)1613
1
ดังนั้น 87102 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
87102 = 2 x 3 x 3 x 3 x 1613
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
87102 = 2 x 33 x 1613 หรือ 21 x 33 x 16131

วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 87102

1แยกตัวประกอบของ 87102 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 33 x 16131
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
  • 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
  • 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 3 ให้เอา 3 + 1 = 4
  • 👉 1613 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 4 x 2 = 16
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 87102 มีทั้งหมด 16 ตัว
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 87102 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇