โปรแกรมหาตัวประกอบของจำนวนนับ
ใส่ตัวเลขที่ต้องการหาตัวประกอบ โปรแกรมจะแสดงคำตอบและวิธีการแยกตัวประกอบให้อัตโนมัติ
เทพควิช-lnwquiz

ตัวประกอบของ 68152 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 68152

คำนิยาม

ตัวประกอบของ 68152 มีอะไรบ้าง

ตัวประกอบของ 68152 มีทั้งหมด 16 ตัวคือ 1, 2, 4, 7, 8, 14, 28, 56, 1217, 2434, 4868, 8519, 9736, 17038, 34076, 68152
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
68152 ÷ 1=68152เหลือเศษ 0
68152 ÷ 2=34076เหลือเศษ 0
68152 ÷ 4=17038เหลือเศษ 0
68152 ÷ 7=9736เหลือเศษ 0
68152 ÷ 8=8519เหลือเศษ 0
68152 ÷ 14=4868เหลือเศษ 0
68152 ÷ 28=2434เหลือเศษ 0
68152 ÷ 56=1217เหลือเศษ 0
68152 ÷ 1217=56เหลือเศษ 0
68152 ÷ 2434=28เหลือเศษ 0
68152 ÷ 4868=14เหลือเศษ 0
68152 ÷ 8519=8เหลือเศษ 0
68152 ÷ 9736=7เหลือเศษ 0
68152 ÷ 17038=4เหลือเศษ 0
68152 ÷ 34076=2เหลือเศษ 0
68152 ÷ 68152=1เหลือเศษ 0
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 68152
1 x 68152
2 x 34076
4 x 17038
7 x 9736
8 x 8519
14 x 4868
28 x 2434
56 x 1217
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 68152
1 + 2 + 4 + 7 + 8 + 14 + 28 + 56 + 1217 + 2434 + 4868 + 8519 + 9736 + 17038 + 34076 + 68152 = 146160
ตัวประกอบของ 68152 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 7, 1217
การแยกตัวประกอบคืออะไร

68152 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้

68152 = 2 x 2 x 2 x 7 x 1217
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 68152 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
68152 = 23 x 7 x 1217
วิธีการแยกตัวประกอบ

1. การแยกตัวประกอบของ 68152 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲

วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 68152 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 68152 มา 1 คู่ เช่น 2 x 34076
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 68152
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 68152 แบบที่หนึ่ง
  • 68152
    • 56
      • 7
      • 8
        • 2
        • 4
          • 2
          • 2
    • 1217

ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 68152 แบบที่สอง
  • 68152
    • 2
    • 34076
      • 2
      • 17038
        • 2
        • 8519
          • 7
          • 1217
ดังนั้น 68152 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
68152 = 2 x 2 x 2 x 7 x 1217
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
68152 = 23 x 7 x 1217 หรือ 23 x 71 x 12171

2. การแยกตัวประกอบของ 68152 ด้วยวิธีหารสั้น

วิธีทำ
1หาร 68152 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 68152 นั้นก็คือ 2, 7, 1217 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 68152

2
)68152
2
)34076
2
)17038
7
)8519
1217
)1217
1
ดังนั้น 68152 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
68152 = 2 x 2 x 2 x 7 x 1217
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
68152 = 23 x 7 x 1217 หรือ 23 x 71 x 12171

วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 68152

1แยกตัวประกอบของ 68152 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 23 x 71 x 12171
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
  • 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 3 ให้เอา 3 + 1 = 4
  • 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
  • 👉 1217 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 4 x 2 x 2 = 16
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 68152 มีทั้งหมด 16 ตัว
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 68152 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇