ตัวประกอบของ 45102 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 45102
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 45102 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 45102 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 45102 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 45102 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 45102 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 3, 6, 7517, 15034, 22551, 45102
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
45102 ÷ 1 | = | 45102 | เหลือเศษ 0 |
45102 ÷ 2 | = | 22551 | เหลือเศษ 0 |
45102 ÷ 3 | = | 15034 | เหลือเศษ 0 |
45102 ÷ 6 | = | 7517 | เหลือเศษ 0 |
45102 ÷ 7517 | = | 6 | เหลือเศษ 0 |
45102 ÷ 15034 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
45102 ÷ 22551 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
45102 ÷ 45102 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 45102
1 x 45102 | = | 45102 |
2 x 22551 | = | 45102 |
3 x 15034 | = | 45102 |
6 x 7517 | = | 45102 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 45102
1 + 2 + 3 + 6 + 7517 + 15034 + 22551 + 45102 = 90216
▶ ตัวประกอบของ 45102 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 3, 7517
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 45102 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
45102 = 2 x 3 x 7517
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 45102 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 45102 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 45102 มา 1 คู่ เช่น 2 x 22551
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 45102
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 45102 แบบที่หนึ่ง
- 45102
- 6
- 2
- 3
- 7517
- 6
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 45102 แบบที่สอง
- 45102
- 2
- 22551
- 3
- 7517
ดังนั้น 45102 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
45102 =
2 x 3 x 7517
2. การแยกตัวประกอบของ 45102 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 45102 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 45102 นั้นก็คือ 2, 3, 7517 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 45102
2)451023)225517517)75171ดังนั้น 45102 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้45102 = 2 x 3 x 7517วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 45102
1แยกตัวประกอบของ 45102 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 31 x 751712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 7517 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 45102 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 45102 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 45102 นั้นก็คือ 2, 3, 7517 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 45102
2
)45102
3
)22551
7517
)7517
1
ดังนั้น 45102 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
45102 = 2 x 3 x 7517
1แยกตัวประกอบของ 45102 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 31 x 75171
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 7517 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 45102 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 45102 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇