ตัวประกอบของ 25518 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 25518
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 25518 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 25518 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 25518 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 25518 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 25518 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 3, 6, 4253, 8506, 12759, 25518
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
25518 ÷ 1 | = | 25518 | เหลือเศษ 0 |
25518 ÷ 2 | = | 12759 | เหลือเศษ 0 |
25518 ÷ 3 | = | 8506 | เหลือเศษ 0 |
25518 ÷ 6 | = | 4253 | เหลือเศษ 0 |
25518 ÷ 4253 | = | 6 | เหลือเศษ 0 |
25518 ÷ 8506 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
25518 ÷ 12759 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
25518 ÷ 25518 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 25518
1 x 25518 | = | 25518 |
2 x 12759 | = | 25518 |
3 x 8506 | = | 25518 |
6 x 4253 | = | 25518 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 25518
1 + 2 + 3 + 6 + 4253 + 8506 + 12759 + 25518 = 51048
▶ ตัวประกอบของ 25518 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 3, 4253
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 25518 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25518 = 2 x 3 x 4253
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 25518 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 25518 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 25518 มา 1 คู่ เช่น 2 x 12759
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25518
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 25518 แบบที่หนึ่ง
- 25518
- 6
- 2
- 3
- 4253
- 6
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 25518 แบบที่สอง
- 25518
- 2
- 12759
- 3
- 4253
ดังนั้น 25518 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25518 =
2 x 3 x 4253
2. การแยกตัวประกอบของ 25518 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 25518 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 25518 นั้นก็คือ 2, 3, 4253 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25518
2)255183)127594253)42531ดังนั้น 25518 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้25518 = 2 x 3 x 4253วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 25518
1แยกตัวประกอบของ 25518 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 31 x 425312ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 4253 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 25518 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 25518 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 25518 นั้นก็คือ 2, 3, 4253 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25518
2
)25518
3
)12759
4253
)4253
1
ดังนั้น 25518 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25518 = 2 x 3 x 4253
1แยกตัวประกอบของ 25518 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 31 x 42531
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 4253 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 25518 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 25518 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇