ตัวประกอบของ 25515 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 25515
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 25515 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 25515 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 25515 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 25515 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 25515 มีทั้งหมด 28 ตัวคือ 1, 3, 5, 7, 9, 15, 21, 27, 35, 45, 63, 81, 105, 135, 189, 243, 315, 405, 567, 729, 945, 1215, 1701, 2835, 3645, 5103, 8505, 25515
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
25515 ÷ 1 | = | 25515 | เหลือเศษ 0 |
25515 ÷ 3 | = | 8505 | เหลือเศษ 0 |
25515 ÷ 5 | = | 5103 | เหลือเศษ 0 |
25515 ÷ 7 | = | 3645 | เหลือเศษ 0 |
25515 ÷ 9 | = | 2835 | เหลือเศษ 0 |
25515 ÷ 15 | = | 1701 | เหลือเศษ 0 |
25515 ÷ 21 | = | 1215 | เหลือเศษ 0 |
25515 ÷ 27 | = | 945 | เหลือเศษ 0 |
25515 ÷ 35 | = | 729 | เหลือเศษ 0 |
25515 ÷ 45 | = | 567 | เหลือเศษ 0 |
25515 ÷ 63 | = | 405 | เหลือเศษ 0 |
25515 ÷ 81 | = | 315 | เหลือเศษ 0 |
25515 ÷ 105 | = | 243 | เหลือเศษ 0 |
25515 ÷ 135 | = | 189 | เหลือเศษ 0 |
25515 ÷ 189 | = | 135 | เหลือเศษ 0 |
25515 ÷ 243 | = | 105 | เหลือเศษ 0 |
25515 ÷ 315 | = | 81 | เหลือเศษ 0 |
25515 ÷ 405 | = | 63 | เหลือเศษ 0 |
25515 ÷ 567 | = | 45 | เหลือเศษ 0 |
25515 ÷ 729 | = | 35 | เหลือเศษ 0 |
25515 ÷ 945 | = | 27 | เหลือเศษ 0 |
25515 ÷ 1215 | = | 21 | เหลือเศษ 0 |
25515 ÷ 1701 | = | 15 | เหลือเศษ 0 |
25515 ÷ 2835 | = | 9 | เหลือเศษ 0 |
25515 ÷ 3645 | = | 7 | เหลือเศษ 0 |
25515 ÷ 5103 | = | 5 | เหลือเศษ 0 |
25515 ÷ 8505 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
25515 ÷ 25515 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 25515
1 x 25515 | = | 25515 |
3 x 8505 | = | 25515 |
5 x 5103 | = | 25515 |
7 x 3645 | = | 25515 |
9 x 2835 | = | 25515 |
15 x 1701 | = | 25515 |
21 x 1215 | = | 25515 |
27 x 945 | = | 25515 |
35 x 729 | = | 25515 |
45 x 567 | = | 25515 |
63 x 405 | = | 25515 |
81 x 315 | = | 25515 |
105 x 243 | = | 25515 |
135 x 189 | = | 25515 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 25515
1 + 3 + 5 + 7 + 9 + 15 + 21 + 27 + 35 + 45 + 63 + 81 + 105 + 135 + 189 + 243 + 315 + 405 + 567 + 729 + 945 + 1215 + 1701 + 2835 + 3645 + 5103 + 8505 + 25515 = 52464
▶ ตัวประกอบของ 25515 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
3, 5, 7
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 25515 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25515 = 3 x 3 x 3 x 3 x 3 x 3 x 5 x 7
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 25515 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
25515 = 36 x 5 x 7
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 25515 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
25515 = 36 x 5 x 7
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 25515 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 25515 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 25515 มา 1 คู่ เช่น 3 x 8505
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25515
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 25515 แบบที่หนึ่ง
- 25515
- 135
- 9
- 3
- 3
- 15
- 3
- 5
- 9
- 189
- 9
- 3
- 3
- 21
- 3
- 7
- 9
- 135
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 25515 แบบที่สอง
- 25515
- 3
- 8505
- 3
- 2835
- 3
- 945
- 3
- 315
- 3
- 105
- 3
- 35
- 5
- 7
ดังนั้น 25515 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25515 =
3 x 3 x 3 x 3 x 3 x 3 x 5 x 7
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
25515 =
36 x 5 x 7 หรือ 36 x 51 x 71
2. การแยกตัวประกอบของ 25515 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 25515 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 25515 นั้นก็คือ 3, 5, 7 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25515
3)255153)85053)28353)9453)3153)1055)357)71ดังนั้น 25515 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้25515 = 3 x 3 x 3 x 3 x 3 x 3 x 5 x 7หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง25515 = 36 x 5 x 7 หรือ 36 x 51 x 71วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 25515
1แยกตัวประกอบของ 25515 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 36 x 51 x 712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 6 ให้เอา 6 + 1 = 7
- 👉 5 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 7 x 2 x 2 = 28✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 25515 มีทั้งหมด 28 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 25515 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 25515 นั้นก็คือ 3, 5, 7 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25515
3
)25515
3
)8505
3
)2835
3
)945
3
)315
3
)105
5
)35
7
)7
1
ดังนั้น 25515 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25515 = 3 x 3 x 3 x 3 x 3 x 3 x 5 x 7
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
25515 = 36 x 5 x 7 หรือ 36 x 51 x 71
1แยกตัวประกอบของ 25515 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 36 x 51 x 71
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 6 ให้เอา 6 + 1 = 7
- 👉 5 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 7 x 2 x 2 = 28✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 25515 มีทั้งหมด 28 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 25515 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇