ตัวประกอบของ 25514 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 25514
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 25514 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 25514 ได้ลงตัว
▶
▶ 2. การแยกตัวประกอบของ 25514 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 25514 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 25514 มีทั้งหมด 4 ตัวคือ 1, 2, 12757, 25514
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
| 25514 ÷ 1 | = | 25514 | เหลือเศษ 0 |
| 25514 ÷ 2 | = | 12757 | เหลือเศษ 0 |
| 25514 ÷ 12757 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
| 25514 ÷ 25514 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 25514
| 1 x 25514 | = | 25514 |
| 2 x 12757 | = | 25514 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 25514
1 + 2 + 12757 + 25514 = 38274
▶ ตัวประกอบของ 25514 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 2 ตัวดังนี้
2, 12757
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 25514 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25514 = 2 x 12757
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 25514 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 25514 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 25514 มา 1 คู่ เช่น 2 x 12757
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25514
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 25514
- 25514
- 2
- 12757
ดังนั้น 25514 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25514 =
2 x 12757
2. การแยกตัวประกอบของ 25514 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 25514 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 25514 นั้นก็คือ 2, 12757 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25514
2)2551412757)127571ดังนั้น 25514 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้25514 = 2 x 12757วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 25514
1แยกตัวประกอบของ 25514 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 1275712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 12757 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 = 4✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 25514 มีทั้งหมด 4 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 25514 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 25514 นั้นก็คือ 2, 12757 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25514
2
)25514
12757
)12757
1
ดังนั้น 25514 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25514 = 2 x 12757
1แยกตัวประกอบของ 25514 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 127571
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 12757 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 = 4✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 25514 มีทั้งหมด 4 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 25514 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇