โปรแกรมหาตัวประกอบของจำนวนนับ
ใส่ตัวเลขที่ต้องการหาตัวประกอบ โปรแกรมจะแสดงคำตอบและวิธีการแยกตัวประกอบให้อัตโนมัติ
เทพควิช-lnwquiz

ตัวประกอบของ 25512 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 25512

คำนิยาม

ตัวประกอบของ 25512 มีอะไรบ้าง

ตัวประกอบของ 25512 มีทั้งหมด 16 ตัวคือ 1, 2, 3, 4, 6, 8, 12, 24, 1063, 2126, 3189, 4252, 6378, 8504, 12756, 25512
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
25512 ÷ 1=25512เหลือเศษ 0
25512 ÷ 2=12756เหลือเศษ 0
25512 ÷ 3=8504เหลือเศษ 0
25512 ÷ 4=6378เหลือเศษ 0
25512 ÷ 6=4252เหลือเศษ 0
25512 ÷ 8=3189เหลือเศษ 0
25512 ÷ 12=2126เหลือเศษ 0
25512 ÷ 24=1063เหลือเศษ 0
25512 ÷ 1063=24เหลือเศษ 0
25512 ÷ 2126=12เหลือเศษ 0
25512 ÷ 3189=8เหลือเศษ 0
25512 ÷ 4252=6เหลือเศษ 0
25512 ÷ 6378=4เหลือเศษ 0
25512 ÷ 8504=3เหลือเศษ 0
25512 ÷ 12756=2เหลือเศษ 0
25512 ÷ 25512=1เหลือเศษ 0
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 25512
1 x 25512
2 x 12756
3 x 8504
4 x 6378
6 x 4252
8 x 3189
12 x 2126
24 x 1063
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 25512
1 + 2 + 3 + 4 + 6 + 8 + 12 + 24 + 1063 + 2126 + 3189 + 4252 + 6378 + 8504 + 12756 + 25512 = 63840
ตัวประกอบของ 25512 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 3, 1063
การแยกตัวประกอบคืออะไร

25512 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้

25512 = 2 x 2 x 2 x 3 x 1063
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 25512 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
25512 = 23 x 3 x 1063
วิธีการแยกตัวประกอบ

1. การแยกตัวประกอบของ 25512 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲

วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 25512 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 25512 มา 1 คู่ เช่น 2 x 12756
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25512
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 25512 แบบที่หนึ่ง
  • 25512
    • 24
      • 4
        • 2
        • 2
      • 6
        • 2
        • 3
    • 1063

ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 25512 แบบที่สอง
  • 25512
    • 2
    • 12756
      • 2
      • 6378
        • 2
        • 3189
          • 3
          • 1063
ดังนั้น 25512 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25512 = 2 x 2 x 2 x 3 x 1063
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
25512 = 23 x 3 x 1063 หรือ 23 x 31 x 10631

2. การแยกตัวประกอบของ 25512 ด้วยวิธีหารสั้น

วิธีทำ
1หาร 25512 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 25512 นั้นก็คือ 2, 3, 1063 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25512

2
)25512
2
)12756
2
)6378
3
)3189
1063
)1063
1
ดังนั้น 25512 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25512 = 2 x 2 x 2 x 3 x 1063
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
25512 = 23 x 3 x 1063 หรือ 23 x 31 x 10631

วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 25512

1แยกตัวประกอบของ 25512 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 23 x 31 x 10631
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
  • 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 3 ให้เอา 3 + 1 = 4
  • 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
  • 👉 1063 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 4 x 2 x 2 = 16
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 25512 มีทั้งหมด 16 ตัว
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 25512 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇