ตัวประกอบของ 25527 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 25527
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 25527 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 25527 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 25527 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 25527 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 25527 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 3, 67, 127, 201, 381, 8509, 25527
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
25527 ÷ 1 | = | 25527 | เหลือเศษ 0 |
25527 ÷ 3 | = | 8509 | เหลือเศษ 0 |
25527 ÷ 67 | = | 381 | เหลือเศษ 0 |
25527 ÷ 127 | = | 201 | เหลือเศษ 0 |
25527 ÷ 201 | = | 127 | เหลือเศษ 0 |
25527 ÷ 381 | = | 67 | เหลือเศษ 0 |
25527 ÷ 8509 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
25527 ÷ 25527 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 25527
1 x 25527 | = | 25527 |
3 x 8509 | = | 25527 |
67 x 381 | = | 25527 |
127 x 201 | = | 25527 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 25527
1 + 3 + 67 + 127 + 201 + 381 + 8509 + 25527 = 34816
▶ ตัวประกอบของ 25527 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
3, 67, 127
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 25527 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25527 = 3 x 67 x 127
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 25527 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 25527 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 25527 มา 1 คู่ เช่น 3 x 8509
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25527
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 25527 แบบที่หนึ่ง
- 25527
- 127
- 201
- 3
- 67
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 25527 แบบที่สอง
- 25527
- 3
- 8509
- 67
- 127
ดังนั้น 25527 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25527 =
3 x 67 x 127
2. การแยกตัวประกอบของ 25527 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 25527 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 25527 นั้นก็คือ 3, 67, 127 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25527
3)2552767)8509127)1271ดังนั้น 25527 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้25527 = 3 x 67 x 127วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 25527
1แยกตัวประกอบของ 25527 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 31 x 671 x 12712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 67 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 127 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 25527 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 25527 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 25527 นั้นก็คือ 3, 67, 127 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25527
3
)25527
67
)8509
127
)127
1
ดังนั้น 25527 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25527 = 3 x 67 x 127
1แยกตัวประกอบของ 25527 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 31 x 671 x 1271
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 67 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 127 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 25527 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 25527 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇