ตัวประกอบของ 1956 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 1956
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 1956 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 1956 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 1956 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 1956 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 1956 มีทั้งหมด 12 ตัวคือ 1, 2, 3, 4, 6, 12, 163, 326, 489, 652, 978, 1956
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
1956 ÷ 1 | = | 1956 | เหลือเศษ 0 |
1956 ÷ 2 | = | 978 | เหลือเศษ 0 |
1956 ÷ 3 | = | 652 | เหลือเศษ 0 |
1956 ÷ 4 | = | 489 | เหลือเศษ 0 |
1956 ÷ 6 | = | 326 | เหลือเศษ 0 |
1956 ÷ 12 | = | 163 | เหลือเศษ 0 |
1956 ÷ 163 | = | 12 | เหลือเศษ 0 |
1956 ÷ 326 | = | 6 | เหลือเศษ 0 |
1956 ÷ 489 | = | 4 | เหลือเศษ 0 |
1956 ÷ 652 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
1956 ÷ 978 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
1956 ÷ 1956 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 1956
1 x 1956 | = | 1956 |
2 x 978 | = | 1956 |
3 x 652 | = | 1956 |
4 x 489 | = | 1956 |
6 x 326 | = | 1956 |
12 x 163 | = | 1956 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 1956
1 + 2 + 3 + 4 + 6 + 12 + 163 + 326 + 489 + 652 + 978 + 1956 = 4592
▶ ตัวประกอบของ 1956 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 3, 163
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 1956 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
1956 = 2 x 2 x 3 x 163
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเเขียนการแยกตัวประกอบของ 1956 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
1956 = 22 x 3 x 163
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเเขียนการแยกตัวประกอบของ 1956 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
1956 = 22 x 3 x 163
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 1956 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 1956 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 1956 มา 1 คู่ เช่น 2 x 978
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 1956
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 1956 แบบที่หนึ่ง
- 1956
- 12
- 3
- 4
- 2
- 2
- 163
- 12
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 1956 แบบที่สอง
- 1956
- 2
- 978
- 2
- 489
- 3
- 163
ดังนั้น 1956 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
1956 =
2 x 2 x 3 x 163
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
1956 =
22 x 3 x 163 หรือ 22 x 31 x 1631
2. การแยกตัวประกอบของ 1956 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 1956 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 1956 นั้นก็คือ 2, 3, 163 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 1956
2)19562)9783)489163)1631ดังนั้น 1956 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้1956 = 2 x 2 x 3 x 163หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง1956 = 22 x 3 x 163 หรือ 22 x 31 x 1631วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 1956
1แยกตัวประกอบของ 1956 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 22 x 31 x 16312ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 163 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 x 2 = 12✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 1956 มีทั้งหมด 12 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 1956 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 1956 นั้นก็คือ 2, 3, 163 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 1956
2
)1956
2
)978
3
)489
163
)163
1
ดังนั้น 1956 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
1956 = 2 x 2 x 3 x 163
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
1956 = 22 x 3 x 163 หรือ 22 x 31 x 1631
1แยกตัวประกอบของ 1956 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 22 x 31 x 1631
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 163 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 x 2 = 12✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 1956 มีทั้งหมด 12 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 1956 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇