ตัวประกอบของ 65467 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 65467
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 65467 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 65467 ได้ลงตัว
▶
▶ 2. การแยกตัวประกอบของ 65467 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 65467 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 65467 มีทั้งหมด 4 ตัวคือ 1, 17, 3851, 65467
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
| 65467 ÷ 1 | = | 65467 | เหลือเศษ 0 |
| 65467 ÷ 17 | = | 3851 | เหลือเศษ 0 |
| 65467 ÷ 3851 | = | 17 | เหลือเศษ 0 |
| 65467 ÷ 65467 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 65467
| 1 x 65467 | = | 65467 |
| 17 x 3851 | = | 65467 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 65467
1 + 17 + 3851 + 65467 = 69336
▶ ตัวประกอบของ 65467 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 2 ตัวดังนี้
17, 3851
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 65467 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
65467 = 17 x 3851
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 65467 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 65467 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 65467 มา 1 คู่ เช่น 17 x 3851
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 65467
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 65467
- 65467
- 17
- 3851
ดังนั้น 65467 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
65467 =
17 x 3851
2. การแยกตัวประกอบของ 65467 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 65467 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 65467 นั้นก็คือ 17, 3851 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 65467
17)654673851)38511ดังนั้น 65467 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้65467 = 17 x 3851วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 65467
1แยกตัวประกอบของ 65467 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 171 x 385112ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 17 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 3851 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 = 4✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 65467 มีทั้งหมด 4 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 65467 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 65467 นั้นก็คือ 17, 3851 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 65467
17
)65467
3851
)3851
1
ดังนั้น 65467 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
65467 = 17 x 3851
1แยกตัวประกอบของ 65467 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 171 x 38511
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 17 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 3851 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 = 4✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 65467 มีทั้งหมด 4 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 65467 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇