โปรแกรมหาตัวประกอบของจำนวนนับ
ใส่ตัวเลขที่ต้องการหาตัวประกอบ โปรแกรมจะแสดงคำตอบและวิธีการแยกตัวประกอบให้อัตโนมัติ
เทพควิช-lnwquiz

ตัวประกอบของ 65252 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 65252

คำนิยาม

ตัวประกอบของ 65252 มีอะไรบ้าง

ตัวประกอบของ 65252 มีทั้งหมด 12 ตัวคือ 1, 2, 4, 11, 22, 44, 1483, 2966, 5932, 16313, 32626, 65252
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
65252 ÷ 1=65252เหลือเศษ 0
65252 ÷ 2=32626เหลือเศษ 0
65252 ÷ 4=16313เหลือเศษ 0
65252 ÷ 11=5932เหลือเศษ 0
65252 ÷ 22=2966เหลือเศษ 0
65252 ÷ 44=1483เหลือเศษ 0
65252 ÷ 1483=44เหลือเศษ 0
65252 ÷ 2966=22เหลือเศษ 0
65252 ÷ 5932=11เหลือเศษ 0
65252 ÷ 16313=4เหลือเศษ 0
65252 ÷ 32626=2เหลือเศษ 0
65252 ÷ 65252=1เหลือเศษ 0
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 65252
1 x 65252
2 x 32626
4 x 16313
11 x 5932
22 x 2966
44 x 1483
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 65252
1 + 2 + 4 + 11 + 22 + 44 + 1483 + 2966 + 5932 + 16313 + 32626 + 65252 = 124656
ตัวประกอบของ 65252 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 11, 1483
การแยกตัวประกอบคืออะไร

65252 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้

65252 = 2 x 2 x 11 x 1483
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 65252 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
65252 = 22 x 11 x 1483
วิธีการแยกตัวประกอบ

1. การแยกตัวประกอบของ 65252 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲

วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 65252 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 65252 มา 1 คู่ เช่น 2 x 32626
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 65252
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 65252 แบบที่หนึ่ง
  • 65252
    • 44
      • 4
        • 2
        • 2
      • 11
    • 1483

ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 65252 แบบที่สอง
  • 65252
    • 2
    • 32626
      • 2
      • 16313
        • 11
        • 1483
ดังนั้น 65252 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
65252 = 2 x 2 x 11 x 1483
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
65252 = 22 x 11 x 1483 หรือ 22 x 111 x 14831

2. การแยกตัวประกอบของ 65252 ด้วยวิธีหารสั้น

วิธีทำ
1หาร 65252 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 65252 นั้นก็คือ 2, 11, 1483 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 65252

2
)65252
2
)32626
11
)16313
1483
)1483
1
ดังนั้น 65252 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
65252 = 2 x 2 x 11 x 1483
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
65252 = 22 x 11 x 1483 หรือ 22 x 111 x 14831

วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 65252

1แยกตัวประกอบของ 65252 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 22 x 111 x 14831
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
  • 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
  • 👉 11 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
  • 👉 1483 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 x 2 = 12
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 65252 มีทั้งหมด 12 ตัว
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 65252 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇