โปรแกรมหาตัวประกอบของจำนวนนับ
ใส่ตัวเลขที่ต้องการหาตัวประกอบ โปรแกรมจะแสดงคำตอบและวิธีการแยกตัวประกอบให้อัตโนมัติ
เทพควิช-lnwquiz

ตัวประกอบของ 5652 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 5652

คำนิยาม

ตัวประกอบของ 5652 มีอะไรบ้าง

ตัวประกอบของ 5652 มีทั้งหมด 18 ตัวคือ 1, 2, 3, 4, 6, 9, 12, 18, 36, 157, 314, 471, 628, 942, 1413, 1884, 2826, 5652
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
5652 ÷ 1=5652เหลือเศษ 0
5652 ÷ 2=2826เหลือเศษ 0
5652 ÷ 3=1884เหลือเศษ 0
5652 ÷ 4=1413เหลือเศษ 0
5652 ÷ 6=942เหลือเศษ 0
5652 ÷ 9=628เหลือเศษ 0
5652 ÷ 12=471เหลือเศษ 0
5652 ÷ 18=314เหลือเศษ 0
5652 ÷ 36=157เหลือเศษ 0
5652 ÷ 157=36เหลือเศษ 0
5652 ÷ 314=18เหลือเศษ 0
5652 ÷ 471=12เหลือเศษ 0
5652 ÷ 628=9เหลือเศษ 0
5652 ÷ 942=6เหลือเศษ 0
5652 ÷ 1413=4เหลือเศษ 0
5652 ÷ 1884=3เหลือเศษ 0
5652 ÷ 2826=2เหลือเศษ 0
5652 ÷ 5652=1เหลือเศษ 0
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 5652
1 x 5652
2 x 2826
3 x 1884
4 x 1413
6 x 942
9 x 628
12 x 471
18 x 314
36 x 157
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 5652
1 + 2 + 3 + 4 + 6 + 9 + 12 + 18 + 36 + 157 + 314 + 471 + 628 + 942 + 1413 + 1884 + 2826 + 5652 = 14378
ตัวประกอบของ 5652 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 3, 157
การแยกตัวประกอบคืออะไร

5652 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้

5652 = 2 x 2 x 3 x 3 x 157
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเเขียนการแยกตัวประกอบของ 5652 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
5652 = 22 x 32 x 157
วิธีการแยกตัวประกอบ

1. การแยกตัวประกอบของ 5652 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲

วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 5652 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 5652 มา 1 คู่ เช่น 2 x 2826
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5652
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 5652 แบบที่หนึ่ง
  • 5652
    • 36
      • 6
        • 2
        • 3
      • 6
        • 2
        • 3
    • 157

ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 5652 แบบที่สอง
  • 5652
    • 2
    • 2826
      • 2
      • 1413
        • 3
        • 471
          • 3
          • 157
ดังนั้น 5652 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5652 = 2 x 2 x 3 x 3 x 157
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
5652 = 22 x 32 x 157 หรือ 22 x 32 x 1571

2. การแยกตัวประกอบของ 5652 ด้วยวิธีหารสั้น

วิธีทำ
1หาร 5652 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 5652 นั้นก็คือ 2, 3, 157 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5652

2
)5652
2
)2826
3
)1413
3
)471
157
)157
1
ดังนั้น 5652 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5652 = 2 x 2 x 3 x 3 x 157
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
5652 = 22 x 32 x 157 หรือ 22 x 32 x 1571

วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 5652

1แยกตัวประกอบของ 5652 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 22 x 32 x 1571
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
  • 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
  • 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
  • 👉 157 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 3 x 2 = 18
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 5652 มีทั้งหมด 18 ตัว
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 5652 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇