ตัวประกอบของ 5262 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 5262
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 5262 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 5262 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 5262 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 5262 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 5262 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 3, 6, 877, 1754, 2631, 5262
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
5262 ÷ 1 | = | 5262 | เหลือเศษ 0 |
5262 ÷ 2 | = | 2631 | เหลือเศษ 0 |
5262 ÷ 3 | = | 1754 | เหลือเศษ 0 |
5262 ÷ 6 | = | 877 | เหลือเศษ 0 |
5262 ÷ 877 | = | 6 | เหลือเศษ 0 |
5262 ÷ 1754 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
5262 ÷ 2631 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
5262 ÷ 5262 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 5262
1 x 5262 | = | 5262 |
2 x 2631 | = | 5262 |
3 x 1754 | = | 5262 |
6 x 877 | = | 5262 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 5262
1 + 2 + 3 + 6 + 877 + 1754 + 2631 + 5262 = 10536
▶ ตัวประกอบของ 5262 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 3, 877
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 5262 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5262 = 2 x 3 x 877
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 5262 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 5262 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 5262 มา 1 คู่ เช่น 2 x 2631
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5262
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 5262 แบบที่หนึ่ง
- 5262
- 6
- 2
- 3
- 877
- 6
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 5262 แบบที่สอง
- 5262
- 2
- 2631
- 3
- 877
ดังนั้น 5262 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5262 =
2 x 3 x 877
2. การแยกตัวประกอบของ 5262 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 5262 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 5262 นั้นก็คือ 2, 3, 877 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5262
2)52623)2631877)8771ดังนั้น 5262 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้5262 = 2 x 3 x 877วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 5262
1แยกตัวประกอบของ 5262 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 31 x 87712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 877 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 5262 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 5262 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 5262 นั้นก็คือ 2, 3, 877 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5262
2
)5262
3
)2631
877
)877
1
ดังนั้น 5262 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5262 = 2 x 3 x 877
1แยกตัวประกอบของ 5262 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 31 x 8771
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 877 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 5262 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 5262 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇