ตัวประกอบของ 4667 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 4667
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 4667 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 4667 ได้ลงตัว
▶
▶ 2. การแยกตัวประกอบของ 4667 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 4667 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 4667 มีทั้งหมด 4 ตัวคือ 1, 13, 359, 4667
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
4667 ÷ 1 | = | 4667 | เหลือเศษ 0 |
4667 ÷ 13 | = | 359 | เหลือเศษ 0 |
4667 ÷ 359 | = | 13 | เหลือเศษ 0 |
4667 ÷ 4667 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 4667
1 x 4667 | = | 4667 |
13 x 359 | = | 4667 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 4667
1 + 13 + 359 + 4667 = 5040
▶ ตัวประกอบของ 4667 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 2 ตัวดังนี้
13, 359
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 4667 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
4667 = 13 x 359
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 4667 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 4667 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 4667 มา 1 คู่ เช่น 13 x 359
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 4667
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 4667
- 4667
- 13
- 359
ดังนั้น 4667 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
4667 =
13 x 359
2. การแยกตัวประกอบของ 4667 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 4667 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 4667 นั้นก็คือ 13, 359 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 4667
13)4667359)3591ดังนั้น 4667 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้4667 = 13 x 359วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 4667
1แยกตัวประกอบของ 4667 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 131 x 35912ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 359 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 = 4✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 4667 มีทั้งหมด 4 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 4667 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 4667 นั้นก็คือ 13, 359 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 4667
13
)4667
359
)359
1
ดังนั้น 4667 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
4667 = 13 x 359
1แยกตัวประกอบของ 4667 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 131 x 3591
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 359 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 = 4✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 4667 มีทั้งหมด 4 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 4667 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇