ตัวประกอบของ 4670 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 4670
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 4670 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 4670 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 4670 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 4670 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 4670 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 5, 10, 467, 934, 2335, 4670
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
4670 ÷ 1 | = | 4670 | เหลือเศษ 0 |
4670 ÷ 2 | = | 2335 | เหลือเศษ 0 |
4670 ÷ 5 | = | 934 | เหลือเศษ 0 |
4670 ÷ 10 | = | 467 | เหลือเศษ 0 |
4670 ÷ 467 | = | 10 | เหลือเศษ 0 |
4670 ÷ 934 | = | 5 | เหลือเศษ 0 |
4670 ÷ 2335 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
4670 ÷ 4670 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 4670
1 x 4670 | = | 4670 |
2 x 2335 | = | 4670 |
5 x 934 | = | 4670 |
10 x 467 | = | 4670 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 4670
1 + 2 + 5 + 10 + 467 + 934 + 2335 + 4670 = 8424
▶ ตัวประกอบของ 4670 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 5, 467
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 4670 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
4670 = 2 x 5 x 467
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 4670 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 4670 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 4670 มา 1 คู่ เช่น 2 x 2335
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 4670
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 4670 แบบที่หนึ่ง
- 4670
- 10
- 2
- 5
- 467
- 10
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 4670 แบบที่สอง
- 4670
- 2
- 2335
- 5
- 467
ดังนั้น 4670 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
4670 =
2 x 5 x 467
2. การแยกตัวประกอบของ 4670 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 4670 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 4670 นั้นก็คือ 2, 5, 467 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 4670
2)46705)2335467)4671ดังนั้น 4670 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้4670 = 2 x 5 x 467วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 4670
1แยกตัวประกอบของ 4670 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 51 x 46712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 5 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 467 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 4670 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 4670 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 4670 นั้นก็คือ 2, 5, 467 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 4670
2
)4670
5
)2335
467
)467
1
ดังนั้น 4670 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
4670 = 2 x 5 x 467
1แยกตัวประกอบของ 4670 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 51 x 4671
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 5 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 467 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 4670 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 4670 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇