โปรแกรมหาตัวประกอบของจำนวนนับ
ใส่ตัวเลขที่ต้องการหาตัวประกอบ โปรแกรมจะแสดงคำตอบและวิธีการแยกตัวประกอบให้อัตโนมัติ
เทพควิช-lnwquiz

ตัวประกอบของ 32013 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 32013

คำนิยาม

ตัวประกอบของ 32013 มีอะไรบ้าง

ตัวประกอบของ 32013 มีทั้งหมด 6 ตัวคือ 1, 3, 9, 3557, 10671, 32013
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
32013 ÷ 1=32013เหลือเศษ 0
32013 ÷ 3=10671เหลือเศษ 0
32013 ÷ 9=3557เหลือเศษ 0
32013 ÷ 3557=9เหลือเศษ 0
32013 ÷ 10671=3เหลือเศษ 0
32013 ÷ 32013=1เหลือเศษ 0
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 32013
1 x 32013
3 x 10671
9 x 3557
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 32013
1 + 3 + 9 + 3557 + 10671 + 32013 = 46254
ตัวประกอบของ 32013 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 2 ตัวดังนี้
3, 3557
การแยกตัวประกอบคืออะไร

32013 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้

32013 = 3 x 3 x 3557
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 32013 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
32013 = 32 x 3557
วิธีการแยกตัวประกอบ

1. การแยกตัวประกอบของ 32013 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲

วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 32013 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 32013 มา 1 คู่ เช่น 3 x 10671
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 32013
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 32013 แบบที่หนึ่ง
  • 32013
    • 9
      • 3
      • 3
    • 3557

ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 32013 แบบที่สอง
  • 32013
    • 3
    • 10671
      • 3
      • 3557
ดังนั้น 32013 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
32013 = 3 x 3 x 3557
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
32013 = 32 x 3557 หรือ 32 x 35571

2. การแยกตัวประกอบของ 32013 ด้วยวิธีหารสั้น

วิธีทำ
1หาร 32013 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 32013 นั้นก็คือ 3, 3557 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 32013

3
)32013
3
)10671
3557
)3557
1
ดังนั้น 32013 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
32013 = 3 x 3 x 3557
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
32013 = 32 x 3557 หรือ 32 x 35571

วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 32013

1แยกตัวประกอบของ 32013 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 32 x 35571
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
  • 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
  • 👉 3557 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 = 6
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 32013 มีทั้งหมด 6 ตัว
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 32013 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇