ตัวประกอบของ 25536 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 25536
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 25536 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 25536 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 25536 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 25536 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 25536 มีทั้งหมด 56 ตัวคือ 1, 2, 3, 4, 6, 7, 8, 12, 14, 16, 19, 21, 24, 28, 32, 38, 42, 48, 56, 57, 64, 76, 84, 96, 112, 114, 133, 152, 168, 192, 224, 228, 266, 304, 336, 399, 448, 456, 532, 608, 672, 798, 912, 1064, 1216, 1344, 1596, 1824, 2128, 3192, 3648, 4256, 6384, 8512, 12768, 25536
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
| 25536 ÷ 1 | = | 25536 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 2 | = | 12768 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 3 | = | 8512 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 4 | = | 6384 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 6 | = | 4256 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 7 | = | 3648 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 8 | = | 3192 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 12 | = | 2128 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 14 | = | 1824 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 16 | = | 1596 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 19 | = | 1344 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 21 | = | 1216 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 24 | = | 1064 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 28 | = | 912 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 32 | = | 798 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 38 | = | 672 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 42 | = | 608 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 48 | = | 532 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 56 | = | 456 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 57 | = | 448 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 64 | = | 399 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 76 | = | 336 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 84 | = | 304 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 96 | = | 266 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 112 | = | 228 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 114 | = | 224 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 133 | = | 192 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 152 | = | 168 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 168 | = | 152 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 192 | = | 133 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 224 | = | 114 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 228 | = | 112 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 266 | = | 96 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 304 | = | 84 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 336 | = | 76 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 399 | = | 64 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 448 | = | 57 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 456 | = | 56 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 532 | = | 48 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 608 | = | 42 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 672 | = | 38 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 798 | = | 32 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 912 | = | 28 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 1064 | = | 24 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 1216 | = | 21 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 1344 | = | 19 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 1596 | = | 16 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 1824 | = | 14 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 2128 | = | 12 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 3192 | = | 8 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 3648 | = | 7 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 4256 | = | 6 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 6384 | = | 4 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 8512 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 12768 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
| 25536 ÷ 25536 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 25536
| 1 x 25536 | = | 25536 |
| 2 x 12768 | = | 25536 |
| 3 x 8512 | = | 25536 |
| 4 x 6384 | = | 25536 |
| 6 x 4256 | = | 25536 |
| 7 x 3648 | = | 25536 |
| 8 x 3192 | = | 25536 |
| 12 x 2128 | = | 25536 |
| 14 x 1824 | = | 25536 |
| 16 x 1596 | = | 25536 |
| 19 x 1344 | = | 25536 |
| 21 x 1216 | = | 25536 |
| 24 x 1064 | = | 25536 |
| 28 x 912 | = | 25536 |
| 32 x 798 | = | 25536 |
| 38 x 672 | = | 25536 |
| 42 x 608 | = | 25536 |
| 48 x 532 | = | 25536 |
| 56 x 456 | = | 25536 |
| 57 x 448 | = | 25536 |
| 64 x 399 | = | 25536 |
| 76 x 336 | = | 25536 |
| 84 x 304 | = | 25536 |
| 96 x 266 | = | 25536 |
| 112 x 228 | = | 25536 |
| 114 x 224 | = | 25536 |
| 133 x 192 | = | 25536 |
| 152 x 168 | = | 25536 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 25536
1 + 2 + 3 + 4 + 6 + 7 + 8 + 12 + 14 + 16 + 19 + 21 + 24 + 28 + 32 + 38 + 42 + 48 + 56 + 57 + 64 + 76 + 84 + 96 + 112 + 114 + 133 + 152 + 168 + 192 + 224 + 228 + 266 + 304 + 336 + 399 + 448 + 456 + 532 + 608 + 672 + 798 + 912 + 1064 + 1216 + 1344 + 1596 + 1824 + 2128 + 3192 + 3648 + 4256 + 6384 + 8512 + 12768 + 25536 = 81280
▶ ตัวประกอบของ 25536 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 4 ตัวดังนี้
2, 3, 7, 19
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 25536 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25536 = 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 3 x 7 x 19
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 25536 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
25536 = 26 x 3 x 7 x 19
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 25536 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
25536 = 26 x 3 x 7 x 19
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 25536 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 25536 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 25536 มา 1 คู่ เช่น 2 x 12768
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25536
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 25536 แบบที่หนึ่ง
- 25536
- 152
- 8
- 2
- 4
- 2
- 2
- 19
- 8
- 168
- 12
- 3
- 4
- 2
- 2
- 14
- 2
- 7
- 12
- 152
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 25536 แบบที่สอง
- 25536
- 2
- 12768
- 2
- 6384
- 2
- 3192
- 2
- 1596
- 2
- 798
- 2
- 399
- 3
- 133
- 7
- 19
ดังนั้น 25536 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25536 =
2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 3 x 7 x 19
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
25536 =
26 x 3 x 7 x 19 หรือ 26 x 31 x 71 x 191
2. การแยกตัวประกอบของ 25536 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 25536 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 25536 นั้นก็คือ 2, 3, 7, 19 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25536
2)255362)127682)63842)31922)15962)7983)3997)13319)191ดังนั้น 25536 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้25536 = 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 3 x 7 x 19หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง25536 = 26 x 3 x 7 x 19 หรือ 26 x 31 x 71 x 191วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 25536
1แยกตัวประกอบของ 25536 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 26 x 31 x 71 x 1912ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 6 ให้เอา 6 + 1 = 7
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 19 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 7 x 2 x 2 x 2 = 56✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 25536 มีทั้งหมด 56 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 25536 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 25536 นั้นก็คือ 2, 3, 7, 19 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25536
2
)25536
2
)12768
2
)6384
2
)3192
2
)1596
2
)798
3
)399
7
)133
19
)19
1
ดังนั้น 25536 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25536 = 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 3 x 7 x 19
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
25536 = 26 x 3 x 7 x 19 หรือ 26 x 31 x 71 x 191
1แยกตัวประกอบของ 25536 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 26 x 31 x 71 x 191
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 6 ให้เอา 6 + 1 = 7
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 19 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 7 x 2 x 2 x 2 = 56✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 25536 มีทั้งหมด 56 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 25536 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇