ตัวประกอบของ 1348 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 1348
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 1348 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 1348 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 1348 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 1348 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 1348 มีทั้งหมด 6 ตัวคือ 1, 2, 4, 337, 674, 1348
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
1348 ÷ 1 | = | 1348 | เหลือเศษ 0 |
1348 ÷ 2 | = | 674 | เหลือเศษ 0 |
1348 ÷ 4 | = | 337 | เหลือเศษ 0 |
1348 ÷ 337 | = | 4 | เหลือเศษ 0 |
1348 ÷ 674 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
1348 ÷ 1348 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 1348
1 x 1348 | = | 1348 |
2 x 674 | = | 1348 |
4 x 337 | = | 1348 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 1348
1 + 2 + 4 + 337 + 674 + 1348 = 2366
▶ ตัวประกอบของ 1348 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 2 ตัวดังนี้
2, 337
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 1348 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
1348 = 2 x 2 x 337
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเเขียนการแยกตัวประกอบของ 1348 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
1348 = 22 x 337
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเเขียนการแยกตัวประกอบของ 1348 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
1348 = 22 x 337
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 1348 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 1348 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 1348 มา 1 คู่ เช่น 2 x 674
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 1348
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 1348 แบบที่หนึ่ง
- 1348
- 4
- 2
- 2
- 337
- 4
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 1348 แบบที่สอง
- 1348
- 2
- 674
- 2
- 337
ดังนั้น 1348 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
1348 =
2 x 2 x 337
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
1348 =
22 x 337 หรือ 22 x 3371
2. การแยกตัวประกอบของ 1348 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 1348 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 1348 นั้นก็คือ 2, 337 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 1348
2)13482)674337)3371ดังนั้น 1348 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้1348 = 2 x 2 x 337หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง1348 = 22 x 337 หรือ 22 x 3371วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 1348
1แยกตัวประกอบของ 1348 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 22 x 33712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 337 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 = 6✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 1348 มีทั้งหมด 6 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 1348 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 1348 นั้นก็คือ 2, 337 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 1348
2
)1348
2
)674
337
)337
1
ดังนั้น 1348 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
1348 = 2 x 2 x 337
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
1348 = 22 x 337 หรือ 22 x 3371
1แยกตัวประกอบของ 1348 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 22 x 3371
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 337 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 = 6✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 1348 มีทั้งหมด 6 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 1348 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇