ตัวประกอบของ 1353 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 1353
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 1353 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 1353 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 1353 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 1353 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 1353 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 3, 11, 33, 41, 123, 451, 1353
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
1353 ÷ 1 | = | 1353 | เหลือเศษ 0 |
1353 ÷ 3 | = | 451 | เหลือเศษ 0 |
1353 ÷ 11 | = | 123 | เหลือเศษ 0 |
1353 ÷ 33 | = | 41 | เหลือเศษ 0 |
1353 ÷ 41 | = | 33 | เหลือเศษ 0 |
1353 ÷ 123 | = | 11 | เหลือเศษ 0 |
1353 ÷ 451 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
1353 ÷ 1353 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 1353
1 x 1353 | = | 1353 |
3 x 451 | = | 1353 |
11 x 123 | = | 1353 |
33 x 41 | = | 1353 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 1353
1 + 3 + 11 + 33 + 41 + 123 + 451 + 1353 = 2016
▶ ตัวประกอบของ 1353 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
3, 11, 41
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 1353 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
1353 = 3 x 11 x 41
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 1353 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 1353 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 1353 มา 1 คู่ เช่น 3 x 451
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 1353
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 1353 แบบที่หนึ่ง
- 1353
- 33
- 3
- 11
- 41
- 33
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 1353 แบบที่สอง
- 1353
- 3
- 451
- 11
- 41
ดังนั้น 1353 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
1353 =
3 x 11 x 41
2. การแยกตัวประกอบของ 1353 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 1353 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 1353 นั้นก็คือ 3, 11, 41 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 1353
3)135311)45141)411ดังนั้น 1353 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้1353 = 3 x 11 x 41วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 1353
1แยกตัวประกอบของ 1353 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 31 x 111 x 4112ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 11 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 41 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 1353 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 1353 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 1353 นั้นก็คือ 3, 11, 41 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 1353
3
)1353
11
)451
41
)41
1
ดังนั้น 1353 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
1353 = 3 x 11 x 41
1แยกตัวประกอบของ 1353 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 31 x 111 x 411
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 11 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 41 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 1353 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 1353 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇