ตัวประกอบของ 68462 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 68462
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 68462 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 68462 ได้ลงตัว
▶
▶ 2. การแยกตัวประกอบของ 68462 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 68462 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 68462 มีทั้งหมด 4 ตัวคือ 1, 2, 34231, 68462
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
68462 ÷ 1 | = | 68462 | เหลือเศษ 0 |
68462 ÷ 2 | = | 34231 | เหลือเศษ 0 |
68462 ÷ 34231 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
68462 ÷ 68462 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 68462
1 x 68462 | = | 68462 |
2 x 34231 | = | 68462 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 68462
1 + 2 + 34231 + 68462 = 102696
▶ ตัวประกอบของ 68462 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 2 ตัวดังนี้
2, 34231
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 68462 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
68462 = 2 x 34231
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 68462 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 68462 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 68462 มา 1 คู่ เช่น 2 x 34231
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 68462
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 68462
- 68462
- 2
- 34231
ดังนั้น 68462 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
68462 =
2 x 34231
2. การแยกตัวประกอบของ 68462 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 68462 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 68462 นั้นก็คือ 2, 34231 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 68462
2)6846234231)342311ดังนั้น 68462 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้68462 = 2 x 34231วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 68462
1แยกตัวประกอบของ 68462 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 3423112ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 34231 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 = 4✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 68462 มีทั้งหมด 4 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 68462 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 68462 นั้นก็คือ 2, 34231 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 68462
2
)68462
34231
)34231
1
ดังนั้น 68462 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
68462 = 2 x 34231
1แยกตัวประกอบของ 68462 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 342311
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 34231 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 = 4✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 68462 มีทั้งหมด 4 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 68462 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇