ตัวประกอบของ 65462 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 65462
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 65462 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 65462 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 65462 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 65462 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 65462 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 71, 142, 461, 922, 32731, 65462
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
65462 ÷ 1 | = | 65462 | เหลือเศษ 0 |
65462 ÷ 2 | = | 32731 | เหลือเศษ 0 |
65462 ÷ 71 | = | 922 | เหลือเศษ 0 |
65462 ÷ 142 | = | 461 | เหลือเศษ 0 |
65462 ÷ 461 | = | 142 | เหลือเศษ 0 |
65462 ÷ 922 | = | 71 | เหลือเศษ 0 |
65462 ÷ 32731 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
65462 ÷ 65462 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 65462
1 x 65462 | = | 65462 |
2 x 32731 | = | 65462 |
71 x 922 | = | 65462 |
142 x 461 | = | 65462 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 65462
1 + 2 + 71 + 142 + 461 + 922 + 32731 + 65462 = 99792
▶ ตัวประกอบของ 65462 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 71, 461
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 65462 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
65462 = 2 x 71 x 461
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 65462 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 65462 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 65462 มา 1 คู่ เช่น 2 x 32731
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 65462
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 65462 แบบที่หนึ่ง
- 65462
- 142
- 2
- 71
- 461
- 142
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 65462 แบบที่สอง
- 65462
- 2
- 32731
- 71
- 461
ดังนั้น 65462 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
65462 =
2 x 71 x 461
2. การแยกตัวประกอบของ 65462 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 65462 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 65462 นั้นก็คือ 2, 71, 461 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 65462
2)6546271)32731461)4611ดังนั้น 65462 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้65462 = 2 x 71 x 461วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 65462
1แยกตัวประกอบของ 65462 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 711 x 46112ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 71 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 461 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 65462 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 65462 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 65462 นั้นก็คือ 2, 71, 461 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 65462
2
)65462
71
)32731
461
)461
1
ดังนั้น 65462 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
65462 = 2 x 71 x 461
1แยกตัวประกอบของ 65462 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 711 x 4611
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 71 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 461 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 65462 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 65462 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇