ตัวประกอบของ 5397 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 5397
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 5397 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 5397 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 5397 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 5397 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 5397 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 3, 7, 21, 257, 771, 1799, 5397
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
5397 ÷ 1 | = | 5397 | เหลือเศษ 0 |
5397 ÷ 3 | = | 1799 | เหลือเศษ 0 |
5397 ÷ 7 | = | 771 | เหลือเศษ 0 |
5397 ÷ 21 | = | 257 | เหลือเศษ 0 |
5397 ÷ 257 | = | 21 | เหลือเศษ 0 |
5397 ÷ 771 | = | 7 | เหลือเศษ 0 |
5397 ÷ 1799 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
5397 ÷ 5397 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 5397
1 x 5397 | = | 5397 |
3 x 1799 | = | 5397 |
7 x 771 | = | 5397 |
21 x 257 | = | 5397 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 5397
1 + 3 + 7 + 21 + 257 + 771 + 1799 + 5397 = 8256
▶ ตัวประกอบของ 5397 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
3, 7, 257
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 5397 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5397 = 3 x 7 x 257
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 5397 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 5397 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 5397 มา 1 คู่ เช่น 3 x 1799
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5397
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 5397 แบบที่หนึ่ง
- 5397
- 21
- 3
- 7
- 257
- 21
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 5397 แบบที่สอง
- 5397
- 3
- 1799
- 7
- 257
ดังนั้น 5397 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5397 =
3 x 7 x 257
2. การแยกตัวประกอบของ 5397 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 5397 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 5397 นั้นก็คือ 3, 7, 257 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5397
3)53977)1799257)2571ดังนั้น 5397 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้5397 = 3 x 7 x 257วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 5397
1แยกตัวประกอบของ 5397 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 31 x 71 x 25712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 257 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 5397 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 5397 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 5397 นั้นก็คือ 3, 7, 257 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5397
3
)5397
7
)1799
257
)257
1
ดังนั้น 5397 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5397 = 3 x 7 x 257
1แยกตัวประกอบของ 5397 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 31 x 71 x 2571
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 257 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 5397 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 5397 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇