ตัวประกอบของ 2303 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 2303
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 2303 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 2303 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 2303 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 2303 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 2303 มีทั้งหมด 6 ตัวคือ 1, 7, 47, 49, 329, 2303
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
2303 ÷ 1 | = | 2303 | เหลือเศษ 0 |
2303 ÷ 7 | = | 329 | เหลือเศษ 0 |
2303 ÷ 47 | = | 49 | เหลือเศษ 0 |
2303 ÷ 49 | = | 47 | เหลือเศษ 0 |
2303 ÷ 329 | = | 7 | เหลือเศษ 0 |
2303 ÷ 2303 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 2303
1 x 2303 | = | 2303 |
7 x 329 | = | 2303 |
47 x 49 | = | 2303 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 2303
1 + 7 + 47 + 49 + 329 + 2303 = 2736
▶ ตัวประกอบของ 2303 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 2 ตัวดังนี้
7, 47
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 2303 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
2303 = 7 x 7 x 47
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเเขียนการแยกตัวประกอบของ 2303 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
2303 = 72 x 47
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเเขียนการแยกตัวประกอบของ 2303 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
2303 = 72 x 47
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 2303 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 2303 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 2303 มา 1 คู่ เช่น 7 x 329
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 2303
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 2303 แบบที่หนึ่ง
- 2303
- 47
- 49
- 7
- 7
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 2303 แบบที่สอง
- 2303
- 7
- 329
- 7
- 47
ดังนั้น 2303 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
2303 =
7 x 7 x 47
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
2303 =
72 x 47 หรือ 72 x 471
2. การแยกตัวประกอบของ 2303 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 2303 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 2303 นั้นก็คือ 7, 47 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 2303
7)23037)32947)471ดังนั้น 2303 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้2303 = 7 x 7 x 47หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง2303 = 72 x 47 หรือ 72 x 471วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 2303
1แยกตัวประกอบของ 2303 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 72 x 4712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 47 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 = 6✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 2303 มีทั้งหมด 6 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 2303 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 2303 นั้นก็คือ 7, 47 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 2303
7
)2303
7
)329
47
)47
1
ดังนั้น 2303 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
2303 = 7 x 7 x 47
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
2303 = 72 x 47 หรือ 72 x 471
1แยกตัวประกอบของ 2303 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 72 x 471
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 47 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 = 6✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 2303 มีทั้งหมด 6 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 2303 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇