โปรแกรมหาตัวประกอบของจำนวนนับ
ใส่ตัวเลขที่ต้องการหาตัวประกอบ โปรแกรมจะแสดงคำตอบและวิธีการแยกตัวประกอบให้อัตโนมัติ
เทพควิช-lnwquiz

ตัวประกอบของ 1332 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 1332

คำนิยาม

ตัวประกอบของ 1332 มีอะไรบ้าง

ตัวประกอบของ 1332 มีทั้งหมด 18 ตัวคือ 1, 2, 3, 4, 6, 9, 12, 18, 36, 37, 74, 111, 148, 222, 333, 444, 666, 1332
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
1332 ÷ 1=1332เหลือเศษ 0
1332 ÷ 2=666เหลือเศษ 0
1332 ÷ 3=444เหลือเศษ 0
1332 ÷ 4=333เหลือเศษ 0
1332 ÷ 6=222เหลือเศษ 0
1332 ÷ 9=148เหลือเศษ 0
1332 ÷ 12=111เหลือเศษ 0
1332 ÷ 18=74เหลือเศษ 0
1332 ÷ 36=37เหลือเศษ 0
1332 ÷ 37=36เหลือเศษ 0
1332 ÷ 74=18เหลือเศษ 0
1332 ÷ 111=12เหลือเศษ 0
1332 ÷ 148=9เหลือเศษ 0
1332 ÷ 222=6เหลือเศษ 0
1332 ÷ 333=4เหลือเศษ 0
1332 ÷ 444=3เหลือเศษ 0
1332 ÷ 666=2เหลือเศษ 0
1332 ÷ 1332=1เหลือเศษ 0
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 1332
1 x 1332
2 x 666
3 x 444
4 x 333
6 x 222
9 x 148
12 x 111
18 x 74
36 x 37
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 1332
1 + 2 + 3 + 4 + 6 + 9 + 12 + 18 + 36 + 37 + 74 + 111 + 148 + 222 + 333 + 444 + 666 + 1332 = 3458
ตัวประกอบของ 1332 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 3, 37
การแยกตัวประกอบคืออะไร

1332 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้

1332 = 2 x 2 x 3 x 3 x 37
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเเขียนการแยกตัวประกอบของ 1332 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
1332 = 22 x 32 x 37
วิธีการแยกตัวประกอบ

1. การแยกตัวประกอบของ 1332 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲

วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 1332 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 1332 มา 1 คู่ เช่น 2 x 666
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 1332
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 1332 แบบที่หนึ่ง
  • 1332
    • 36
      • 6
        • 2
        • 3
      • 6
        • 2
        • 3
    • 37

ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 1332 แบบที่สอง
  • 1332
    • 2
    • 666
      • 2
      • 333
        • 3
        • 111
          • 3
          • 37
ดังนั้น 1332 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
1332 = 2 x 2 x 3 x 3 x 37
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
1332 = 22 x 32 x 37 หรือ 22 x 32 x 371

2. การแยกตัวประกอบของ 1332 ด้วยวิธีหารสั้น

วิธีทำ
1หาร 1332 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 1332 นั้นก็คือ 2, 3, 37 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 1332

2
)1332
2
)666
3
)333
3
)111
37
)37
1
ดังนั้น 1332 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
1332 = 2 x 2 x 3 x 3 x 37
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
1332 = 22 x 32 x 37 หรือ 22 x 32 x 371

วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 1332

1แยกตัวประกอบของ 1332 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 22 x 32 x 371
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
  • 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
  • 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
  • 👉 37 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 3 x 2 = 18
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 1332 มีทั้งหมด 18 ตัว
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 1332 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇