ตัวประกอบของ 65377 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 65377
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 65377 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 65377 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 65377 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 65377 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 65377 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 13, 47, 107, 611, 1391, 5029, 65377
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
65377 ÷ 1 | = | 65377 | เหลือเศษ 0 |
65377 ÷ 13 | = | 5029 | เหลือเศษ 0 |
65377 ÷ 47 | = | 1391 | เหลือเศษ 0 |
65377 ÷ 107 | = | 611 | เหลือเศษ 0 |
65377 ÷ 611 | = | 107 | เหลือเศษ 0 |
65377 ÷ 1391 | = | 47 | เหลือเศษ 0 |
65377 ÷ 5029 | = | 13 | เหลือเศษ 0 |
65377 ÷ 65377 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 65377
1 x 65377 | = | 65377 |
13 x 5029 | = | 65377 |
47 x 1391 | = | 65377 |
107 x 611 | = | 65377 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 65377
1 + 13 + 47 + 107 + 611 + 1391 + 5029 + 65377 = 72576
▶ ตัวประกอบของ 65377 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
13, 47, 107
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 65377 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
65377 = 13 x 47 x 107
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 65377 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 65377 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 65377 มา 1 คู่ เช่น 13 x 5029
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 65377
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 65377 แบบที่หนึ่ง
- 65377
- 107
- 611
- 13
- 47
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 65377 แบบที่สอง
- 65377
- 13
- 5029
- 47
- 107
ดังนั้น 65377 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
65377 =
13 x 47 x 107
2. การแยกตัวประกอบของ 65377 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 65377 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 65377 นั้นก็คือ 13, 47, 107 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 65377
13)6537747)5029107)1071ดังนั้น 65377 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้65377 = 13 x 47 x 107วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 65377
1แยกตัวประกอบของ 65377 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 131 x 471 x 10712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 47 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 107 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 65377 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 65377 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 65377 นั้นก็คือ 13, 47, 107 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 65377
13
)65377
47
)5029
107
)107
1
ดังนั้น 65377 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
65377 = 13 x 47 x 107
1แยกตัวประกอบของ 65377 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 131 x 471 x 1071
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 47 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 107 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 65377 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 65377 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇