ตัวประกอบของ 65157 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 65157
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 65157 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 65157 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 65157 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 65157 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 65157 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 3, 37, 111, 587, 1761, 21719, 65157
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
65157 ÷ 1 | = | 65157 | เหลือเศษ 0 |
65157 ÷ 3 | = | 21719 | เหลือเศษ 0 |
65157 ÷ 37 | = | 1761 | เหลือเศษ 0 |
65157 ÷ 111 | = | 587 | เหลือเศษ 0 |
65157 ÷ 587 | = | 111 | เหลือเศษ 0 |
65157 ÷ 1761 | = | 37 | เหลือเศษ 0 |
65157 ÷ 21719 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
65157 ÷ 65157 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 65157
1 x 65157 | = | 65157 |
3 x 21719 | = | 65157 |
37 x 1761 | = | 65157 |
111 x 587 | = | 65157 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 65157
1 + 3 + 37 + 111 + 587 + 1761 + 21719 + 65157 = 89376
▶ ตัวประกอบของ 65157 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
3, 37, 587
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 65157 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
65157 = 3 x 37 x 587
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 65157 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 65157 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 65157 มา 1 คู่ เช่น 3 x 21719
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 65157
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 65157 แบบที่หนึ่ง
- 65157
- 111
- 3
- 37
- 587
- 111
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 65157 แบบที่สอง
- 65157
- 3
- 21719
- 37
- 587
ดังนั้น 65157 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
65157 =
3 x 37 x 587
2. การแยกตัวประกอบของ 65157 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 65157 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 65157 นั้นก็คือ 3, 37, 587 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 65157
3)6515737)21719587)5871ดังนั้น 65157 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้65157 = 3 x 37 x 587วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 65157
1แยกตัวประกอบของ 65157 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 31 x 371 x 58712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 37 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 587 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 65157 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 65157 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 65157 นั้นก็คือ 3, 37, 587 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 65157
3
)65157
37
)21719
587
)587
1
ดังนั้น 65157 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
65157 = 3 x 37 x 587
1แยกตัวประกอบของ 65157 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 31 x 371 x 5871
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 37 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 587 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 65157 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 65157 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇