โปรแกรมหาตัวประกอบของจำนวนนับ
ใส่ตัวเลขที่ต้องการหาตัวประกอบ โปรแกรมจะแสดงคำตอบและวิธีการแยกตัวประกอบให้อัตโนมัติ
เทพควิช-lnwquiz

ตัวประกอบของ 65152 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 65152

คำนิยาม

ตัวประกอบของ 65152 มีอะไรบ้าง

ตัวประกอบของ 65152 มีทั้งหมด 16 ตัวคือ 1, 2, 4, 8, 16, 32, 64, 128, 509, 1018, 2036, 4072, 8144, 16288, 32576, 65152
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
65152 ÷ 1=65152เหลือเศษ 0
65152 ÷ 2=32576เหลือเศษ 0
65152 ÷ 4=16288เหลือเศษ 0
65152 ÷ 8=8144เหลือเศษ 0
65152 ÷ 16=4072เหลือเศษ 0
65152 ÷ 32=2036เหลือเศษ 0
65152 ÷ 64=1018เหลือเศษ 0
65152 ÷ 128=509เหลือเศษ 0
65152 ÷ 509=128เหลือเศษ 0
65152 ÷ 1018=64เหลือเศษ 0
65152 ÷ 2036=32เหลือเศษ 0
65152 ÷ 4072=16เหลือเศษ 0
65152 ÷ 8144=8เหลือเศษ 0
65152 ÷ 16288=4เหลือเศษ 0
65152 ÷ 32576=2เหลือเศษ 0
65152 ÷ 65152=1เหลือเศษ 0
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 65152
1 x 65152
2 x 32576
4 x 16288
8 x 8144
16 x 4072
32 x 2036
64 x 1018
128 x 509
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 65152
1 + 2 + 4 + 8 + 16 + 32 + 64 + 128 + 509 + 1018 + 2036 + 4072 + 8144 + 16288 + 32576 + 65152 = 130050
ตัวประกอบของ 65152 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 2 ตัวดังนี้
2, 509
การแยกตัวประกอบคืออะไร

65152 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้

65152 = 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 509
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 65152 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
65152 = 27 x 509
วิธีการแยกตัวประกอบ

1. การแยกตัวประกอบของ 65152 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲

วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 65152 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 65152 มา 1 คู่ เช่น 2 x 32576
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 65152
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 65152 แบบที่หนึ่ง
  • 65152
    • 128
      • 8
        • 2
        • 4
          • 2
          • 2
      • 16
        • 4
          • 2
          • 2
        • 4
          • 2
          • 2
    • 509

ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 65152 แบบที่สอง
  • 65152
    • 2
    • 32576
      • 2
      • 16288
        • 2
        • 8144
          • 2
          • 4072
            • 2
            • 2036
              • 2
              • 1018
                • 2
                • 509
ดังนั้น 65152 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
65152 = 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 509
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
65152 = 27 x 509 หรือ 27 x 5091

2. การแยกตัวประกอบของ 65152 ด้วยวิธีหารสั้น

วิธีทำ
1หาร 65152 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 65152 นั้นก็คือ 2, 509 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 65152

2
)65152
2
)32576
2
)16288
2
)8144
2
)4072
2
)2036
2
)1018
509
)509
1
ดังนั้น 65152 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
65152 = 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 509
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
65152 = 27 x 509 หรือ 27 x 5091

วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 65152

1แยกตัวประกอบของ 65152 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 27 x 5091
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
  • 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 7 ให้เอา 7 + 1 = 8
  • 👉 509 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 8 x 2 = 16
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 65152 มีทั้งหมด 16 ตัว
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 65152 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇