ตัวประกอบของ 8476 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 8476
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 8476 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 8476 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 8476 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 8476 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 8476 มีทั้งหมด 12 ตัวคือ 1, 2, 4, 13, 26, 52, 163, 326, 652, 2119, 4238, 8476
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
8476 ÷ 1 | = | 8476 | เหลือเศษ 0 |
8476 ÷ 2 | = | 4238 | เหลือเศษ 0 |
8476 ÷ 4 | = | 2119 | เหลือเศษ 0 |
8476 ÷ 13 | = | 652 | เหลือเศษ 0 |
8476 ÷ 26 | = | 326 | เหลือเศษ 0 |
8476 ÷ 52 | = | 163 | เหลือเศษ 0 |
8476 ÷ 163 | = | 52 | เหลือเศษ 0 |
8476 ÷ 326 | = | 26 | เหลือเศษ 0 |
8476 ÷ 652 | = | 13 | เหลือเศษ 0 |
8476 ÷ 2119 | = | 4 | เหลือเศษ 0 |
8476 ÷ 4238 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
8476 ÷ 8476 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 8476
1 x 8476 | = | 8476 |
2 x 4238 | = | 8476 |
4 x 2119 | = | 8476 |
13 x 652 | = | 8476 |
26 x 326 | = | 8476 |
52 x 163 | = | 8476 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 8476
1 + 2 + 4 + 13 + 26 + 52 + 163 + 326 + 652 + 2119 + 4238 + 8476 = 16072
▶ ตัวประกอบของ 8476 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 13, 163
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 8476 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
8476 = 2 x 2 x 13 x 163
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 8476 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
8476 = 22 x 13 x 163
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 8476 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
8476 = 22 x 13 x 163
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 8476 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 8476 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 8476 มา 1 คู่ เช่น 2 x 4238
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 8476
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 8476 แบบที่หนึ่ง
- 8476
- 52
- 4
- 2
- 2
- 13
- 4
- 163
- 52
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 8476 แบบที่สอง
- 8476
- 2
- 4238
- 2
- 2119
- 13
- 163
ดังนั้น 8476 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
8476 =
2 x 2 x 13 x 163
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
8476 =
22 x 13 x 163 หรือ 22 x 131 x 1631
2. การแยกตัวประกอบของ 8476 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 8476 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 8476 นั้นก็คือ 2, 13, 163 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 8476
2)84762)423813)2119163)1631ดังนั้น 8476 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้8476 = 2 x 2 x 13 x 163หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง8476 = 22 x 13 x 163 หรือ 22 x 131 x 1631วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 8476
1แยกตัวประกอบของ 8476 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 22 x 131 x 16312ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 163 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 x 2 = 12✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 8476 มีทั้งหมด 12 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 8476 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 8476 นั้นก็คือ 2, 13, 163 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 8476
2
)8476
2
)4238
13
)2119
163
)163
1
ดังนั้น 8476 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
8476 = 2 x 2 x 13 x 163
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
8476 = 22 x 13 x 163 หรือ 22 x 131 x 1631
1แยกตัวประกอบของ 8476 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 22 x 131 x 1631
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 163 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 x 2 = 12✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 8476 มีทั้งหมด 12 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 8476 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇