โปรแกรมหาตัวประกอบของจำนวนนับ
ใส่ตัวเลขที่ต้องการหาตัวประกอบ โปรแกรมจะแสดงคำตอบและวิธีการแยกตัวประกอบให้อัตโนมัติ
เทพควิช-lnwquiz

ตัวประกอบของ 8466 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 8466

คำนิยาม

ตัวประกอบของ 8466 มีอะไรบ้าง

ตัวประกอบของ 8466 มีทั้งหมด 16 ตัวคือ 1, 2, 3, 6, 17, 34, 51, 83, 102, 166, 249, 498, 1411, 2822, 4233, 8466
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
8466 ÷ 1=8466เหลือเศษ 0
8466 ÷ 2=4233เหลือเศษ 0
8466 ÷ 3=2822เหลือเศษ 0
8466 ÷ 6=1411เหลือเศษ 0
8466 ÷ 17=498เหลือเศษ 0
8466 ÷ 34=249เหลือเศษ 0
8466 ÷ 51=166เหลือเศษ 0
8466 ÷ 83=102เหลือเศษ 0
8466 ÷ 102=83เหลือเศษ 0
8466 ÷ 166=51เหลือเศษ 0
8466 ÷ 249=34เหลือเศษ 0
8466 ÷ 498=17เหลือเศษ 0
8466 ÷ 1411=6เหลือเศษ 0
8466 ÷ 2822=3เหลือเศษ 0
8466 ÷ 4233=2เหลือเศษ 0
8466 ÷ 8466=1เหลือเศษ 0
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 8466
1 x 8466
2 x 4233
3 x 2822
6 x 1411
17 x 498
34 x 249
51 x 166
83 x 102
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 8466
1 + 2 + 3 + 6 + 17 + 34 + 51 + 83 + 102 + 166 + 249 + 498 + 1411 + 2822 + 4233 + 8466 = 18144
ตัวประกอบของ 8466 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 4 ตัวดังนี้
2, 3, 17, 83
การแยกตัวประกอบคืออะไร

8466 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้

8466 = 2 x 3 x 17 x 83
วิธีการแยกตัวประกอบ

1. การแยกตัวประกอบของ 8466 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲

วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 8466 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 8466 มา 1 คู่ เช่น 2 x 4233
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 8466
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 8466 แบบที่หนึ่ง
  • 8466
    • 83
    • 102
      • 6
        • 2
        • 3
      • 17

ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 8466 แบบที่สอง
  • 8466
    • 2
    • 4233
      • 3
      • 1411
        • 17
        • 83
ดังนั้น 8466 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
8466 = 2 x 3 x 17 x 83

2. การแยกตัวประกอบของ 8466 ด้วยวิธีหารสั้น

วิธีทำ
1หาร 8466 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 8466 นั้นก็คือ 2, 3, 17, 83 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 8466

2
)8466
3
)4233
17
)1411
83
)83
1
ดังนั้น 8466 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
8466 = 2 x 3 x 17 x 83

วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 8466

1แยกตัวประกอบของ 8466 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 31 x 171 x 831
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
  • 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
  • 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
  • 👉 17 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
  • 👉 83 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 x 2 = 16
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 8466 มีทั้งหมด 16 ตัว
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 8466 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇