ตัวประกอบของ 65689 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 65689
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 65689 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 65689 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 65689 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 65689 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 65689 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 13, 31, 163, 403, 2119, 5053, 65689
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
65689 ÷ 1 | = | 65689 | เหลือเศษ 0 |
65689 ÷ 13 | = | 5053 | เหลือเศษ 0 |
65689 ÷ 31 | = | 2119 | เหลือเศษ 0 |
65689 ÷ 163 | = | 403 | เหลือเศษ 0 |
65689 ÷ 403 | = | 163 | เหลือเศษ 0 |
65689 ÷ 2119 | = | 31 | เหลือเศษ 0 |
65689 ÷ 5053 | = | 13 | เหลือเศษ 0 |
65689 ÷ 65689 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 65689
1 x 65689 | = | 65689 |
13 x 5053 | = | 65689 |
31 x 2119 | = | 65689 |
163 x 403 | = | 65689 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 65689
1 + 13 + 31 + 163 + 403 + 2119 + 5053 + 65689 = 73472
▶ ตัวประกอบของ 65689 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
13, 31, 163
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 65689 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
65689 = 13 x 31 x 163
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 65689 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 65689 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 65689 มา 1 คู่ เช่น 13 x 5053
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 65689
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 65689 แบบที่หนึ่ง
- 65689
- 163
- 403
- 13
- 31
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 65689 แบบที่สอง
- 65689
- 13
- 5053
- 31
- 163
ดังนั้น 65689 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
65689 =
13 x 31 x 163
2. การแยกตัวประกอบของ 65689 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 65689 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 65689 นั้นก็คือ 13, 31, 163 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 65689
13)6568931)5053163)1631ดังนั้น 65689 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้65689 = 13 x 31 x 163วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 65689
1แยกตัวประกอบของ 65689 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 131 x 311 x 16312ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 31 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 163 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 65689 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 65689 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 65689 นั้นก็คือ 13, 31, 163 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 65689
13
)65689
31
)5053
163
)163
1
ดังนั้น 65689 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
65689 = 13 x 31 x 163
1แยกตัวประกอบของ 65689 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 131 x 311 x 1631
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 31 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 163 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 65689 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 65689 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇