ตัวประกอบของ 6558 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 6558
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 6558 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 6558 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 6558 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 6558 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 6558 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 3, 6, 1093, 2186, 3279, 6558
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
6558 ÷ 1 | = | 6558 | เหลือเศษ 0 |
6558 ÷ 2 | = | 3279 | เหลือเศษ 0 |
6558 ÷ 3 | = | 2186 | เหลือเศษ 0 |
6558 ÷ 6 | = | 1093 | เหลือเศษ 0 |
6558 ÷ 1093 | = | 6 | เหลือเศษ 0 |
6558 ÷ 2186 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
6558 ÷ 3279 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
6558 ÷ 6558 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 6558
1 x 6558 | = | 6558 |
2 x 3279 | = | 6558 |
3 x 2186 | = | 6558 |
6 x 1093 | = | 6558 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 6558
1 + 2 + 3 + 6 + 1093 + 2186 + 3279 + 6558 = 13128
▶ ตัวประกอบของ 6558 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 3, 1093
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 6558 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
6558 = 2 x 3 x 1093
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 6558 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 6558 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 6558 มา 1 คู่ เช่น 2 x 3279
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 6558
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 6558 แบบที่หนึ่ง
- 6558
- 6
- 2
- 3
- 1093
- 6
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 6558 แบบที่สอง
- 6558
- 2
- 3279
- 3
- 1093
ดังนั้น 6558 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
6558 =
2 x 3 x 1093
2. การแยกตัวประกอบของ 6558 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 6558 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 6558 นั้นก็คือ 2, 3, 1093 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 6558
2)65583)32791093)10931ดังนั้น 6558 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้6558 = 2 x 3 x 1093วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 6558
1แยกตัวประกอบของ 6558 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 31 x 109312ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 1093 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 6558 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 6558 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 6558 นั้นก็คือ 2, 3, 1093 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 6558
2
)6558
3
)3279
1093
)1093
1
ดังนั้น 6558 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
6558 = 2 x 3 x 1093
1แยกตัวประกอบของ 6558 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 31 x 10931
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 1093 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 6558 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 6558 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇