ตัวประกอบของ 5322 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 5322
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 5322 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 5322 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 5322 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 5322 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 5322 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 3, 6, 887, 1774, 2661, 5322
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
5322 ÷ 1 | = | 5322 | เหลือเศษ 0 |
5322 ÷ 2 | = | 2661 | เหลือเศษ 0 |
5322 ÷ 3 | = | 1774 | เหลือเศษ 0 |
5322 ÷ 6 | = | 887 | เหลือเศษ 0 |
5322 ÷ 887 | = | 6 | เหลือเศษ 0 |
5322 ÷ 1774 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
5322 ÷ 2661 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
5322 ÷ 5322 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 5322
1 x 5322 | = | 5322 |
2 x 2661 | = | 5322 |
3 x 1774 | = | 5322 |
6 x 887 | = | 5322 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 5322
1 + 2 + 3 + 6 + 887 + 1774 + 2661 + 5322 = 10656
▶ ตัวประกอบของ 5322 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 3, 887
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 5322 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5322 = 2 x 3 x 887
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 5322 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 5322 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 5322 มา 1 คู่ เช่น 2 x 2661
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5322
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 5322 แบบที่หนึ่ง
- 5322
- 6
- 2
- 3
- 887
- 6
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 5322 แบบที่สอง
- 5322
- 2
- 2661
- 3
- 887
ดังนั้น 5322 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5322 =
2 x 3 x 887
2. การแยกตัวประกอบของ 5322 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 5322 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 5322 นั้นก็คือ 2, 3, 887 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5322
2)53223)2661887)8871ดังนั้น 5322 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้5322 = 2 x 3 x 887วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 5322
1แยกตัวประกอบของ 5322 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 31 x 88712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 887 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 5322 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 5322 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 5322 นั้นก็คือ 2, 3, 887 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5322
2
)5322
3
)2661
887
)887
1
ดังนั้น 5322 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5322 = 2 x 3 x 887
1แยกตัวประกอบของ 5322 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 31 x 8871
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 887 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 5322 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 5322 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇