ตัวประกอบของ 4330 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 4330
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 4330 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 4330 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 4330 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 4330 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 4330 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 5, 10, 433, 866, 2165, 4330
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
4330 ÷ 1 | = | 4330 | เหลือเศษ 0 |
4330 ÷ 2 | = | 2165 | เหลือเศษ 0 |
4330 ÷ 5 | = | 866 | เหลือเศษ 0 |
4330 ÷ 10 | = | 433 | เหลือเศษ 0 |
4330 ÷ 433 | = | 10 | เหลือเศษ 0 |
4330 ÷ 866 | = | 5 | เหลือเศษ 0 |
4330 ÷ 2165 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
4330 ÷ 4330 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 4330
1 x 4330 | = | 4330 |
2 x 2165 | = | 4330 |
5 x 866 | = | 4330 |
10 x 433 | = | 4330 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 4330
1 + 2 + 5 + 10 + 433 + 866 + 2165 + 4330 = 7812
▶ ตัวประกอบของ 4330 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 5, 433
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 4330 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
4330 = 2 x 5 x 433
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 4330 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 4330 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 4330 มา 1 คู่ เช่น 2 x 2165
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 4330
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 4330 แบบที่หนึ่ง
- 4330
- 10
- 2
- 5
- 433
- 10
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 4330 แบบที่สอง
- 4330
- 2
- 2165
- 5
- 433
ดังนั้น 4330 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
4330 =
2 x 5 x 433
2. การแยกตัวประกอบของ 4330 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 4330 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 4330 นั้นก็คือ 2, 5, 433 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 4330
2)43305)2165433)4331ดังนั้น 4330 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้4330 = 2 x 5 x 433วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 4330
1แยกตัวประกอบของ 4330 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 51 x 43312ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 5 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 433 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 4330 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 4330 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 4330 นั้นก็คือ 2, 5, 433 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 4330
2
)4330
5
)2165
433
)433
1
ดังนั้น 4330 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
4330 = 2 x 5 x 433
1แยกตัวประกอบของ 4330 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 51 x 4331
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 5 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 433 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 4330 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 4330 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇