ตัวประกอบของ 25152 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 25152
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 25152 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 25152 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 25152 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 25152 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 25152 มีทั้งหมด 28 ตัวคือ 1, 2, 3, 4, 6, 8, 12, 16, 24, 32, 48, 64, 96, 131, 192, 262, 393, 524, 786, 1048, 1572, 2096, 3144, 4192, 6288, 8384, 12576, 25152
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
| 25152 ÷ 1 | = | 25152 | เหลือเศษ 0 |
| 25152 ÷ 2 | = | 12576 | เหลือเศษ 0 |
| 25152 ÷ 3 | = | 8384 | เหลือเศษ 0 |
| 25152 ÷ 4 | = | 6288 | เหลือเศษ 0 |
| 25152 ÷ 6 | = | 4192 | เหลือเศษ 0 |
| 25152 ÷ 8 | = | 3144 | เหลือเศษ 0 |
| 25152 ÷ 12 | = | 2096 | เหลือเศษ 0 |
| 25152 ÷ 16 | = | 1572 | เหลือเศษ 0 |
| 25152 ÷ 24 | = | 1048 | เหลือเศษ 0 |
| 25152 ÷ 32 | = | 786 | เหลือเศษ 0 |
| 25152 ÷ 48 | = | 524 | เหลือเศษ 0 |
| 25152 ÷ 64 | = | 393 | เหลือเศษ 0 |
| 25152 ÷ 96 | = | 262 | เหลือเศษ 0 |
| 25152 ÷ 131 | = | 192 | เหลือเศษ 0 |
| 25152 ÷ 192 | = | 131 | เหลือเศษ 0 |
| 25152 ÷ 262 | = | 96 | เหลือเศษ 0 |
| 25152 ÷ 393 | = | 64 | เหลือเศษ 0 |
| 25152 ÷ 524 | = | 48 | เหลือเศษ 0 |
| 25152 ÷ 786 | = | 32 | เหลือเศษ 0 |
| 25152 ÷ 1048 | = | 24 | เหลือเศษ 0 |
| 25152 ÷ 1572 | = | 16 | เหลือเศษ 0 |
| 25152 ÷ 2096 | = | 12 | เหลือเศษ 0 |
| 25152 ÷ 3144 | = | 8 | เหลือเศษ 0 |
| 25152 ÷ 4192 | = | 6 | เหลือเศษ 0 |
| 25152 ÷ 6288 | = | 4 | เหลือเศษ 0 |
| 25152 ÷ 8384 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
| 25152 ÷ 12576 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
| 25152 ÷ 25152 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 25152
| 1 x 25152 | = | 25152 |
| 2 x 12576 | = | 25152 |
| 3 x 8384 | = | 25152 |
| 4 x 6288 | = | 25152 |
| 6 x 4192 | = | 25152 |
| 8 x 3144 | = | 25152 |
| 12 x 2096 | = | 25152 |
| 16 x 1572 | = | 25152 |
| 24 x 1048 | = | 25152 |
| 32 x 786 | = | 25152 |
| 48 x 524 | = | 25152 |
| 64 x 393 | = | 25152 |
| 96 x 262 | = | 25152 |
| 131 x 192 | = | 25152 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 25152
1 + 2 + 3 + 4 + 6 + 8 + 12 + 16 + 24 + 32 + 48 + 64 + 96 + 131 + 192 + 262 + 393 + 524 + 786 + 1048 + 1572 + 2096 + 3144 + 4192 + 6288 + 8384 + 12576 + 25152 = 67056
▶ ตัวประกอบของ 25152 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 3, 131
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 25152 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25152 = 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 3 x 131
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 25152 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
25152 = 26 x 3 x 131
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 25152 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
25152 = 26 x 3 x 131
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 25152 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 25152 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 25152 มา 1 คู่ เช่น 2 x 12576
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25152
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 25152 แบบที่หนึ่ง
- 25152
- 131
- 192
- 12
- 3
- 4
- 2
- 2
- 16
- 4
- 2
- 2
- 4
- 2
- 2
- 4
- 12
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 25152 แบบที่สอง
- 25152
- 2
- 12576
- 2
- 6288
- 2
- 3144
- 2
- 1572
- 2
- 786
- 2
- 393
- 3
- 131
ดังนั้น 25152 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25152 =
2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 3 x 131
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
25152 =
26 x 3 x 131 หรือ 26 x 31 x 1311
2. การแยกตัวประกอบของ 25152 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 25152 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 25152 นั้นก็คือ 2, 3, 131 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25152
2)251522)125762)62882)31442)15722)7863)393131)1311ดังนั้น 25152 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้25152 = 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 3 x 131หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง25152 = 26 x 3 x 131 หรือ 26 x 31 x 1311วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 25152
1แยกตัวประกอบของ 25152 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 26 x 31 x 13112ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 6 ให้เอา 6 + 1 = 7
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 131 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 7 x 2 x 2 = 28✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 25152 มีทั้งหมด 28 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 25152 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 25152 นั้นก็คือ 2, 3, 131 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25152
2
)25152
2
)12576
2
)6288
2
)3144
2
)1572
2
)786
3
)393
131
)131
1
ดังนั้น 25152 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25152 = 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 3 x 131
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
25152 = 26 x 3 x 131 หรือ 26 x 31 x 1311
1แยกตัวประกอบของ 25152 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 26 x 31 x 1311
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 6 ให้เอา 6 + 1 = 7
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 131 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 7 x 2 x 2 = 28✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 25152 มีทั้งหมด 28 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 25152 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇
