ตัวประกอบของ 68237 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 68237
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 68237 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 68237 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 68237 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 68237 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 68237 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 13, 29, 181, 377, 2353, 5249, 68237
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
68237 ÷ 1 | = | 68237 | เหลือเศษ 0 |
68237 ÷ 13 | = | 5249 | เหลือเศษ 0 |
68237 ÷ 29 | = | 2353 | เหลือเศษ 0 |
68237 ÷ 181 | = | 377 | เหลือเศษ 0 |
68237 ÷ 377 | = | 181 | เหลือเศษ 0 |
68237 ÷ 2353 | = | 29 | เหลือเศษ 0 |
68237 ÷ 5249 | = | 13 | เหลือเศษ 0 |
68237 ÷ 68237 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 68237
1 x 68237 | = | 68237 |
13 x 5249 | = | 68237 |
29 x 2353 | = | 68237 |
181 x 377 | = | 68237 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 68237
1 + 13 + 29 + 181 + 377 + 2353 + 5249 + 68237 = 76440
▶ ตัวประกอบของ 68237 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
13, 29, 181
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 68237 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
68237 = 13 x 29 x 181
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 68237 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 68237 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 68237 มา 1 คู่ เช่น 13 x 5249
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 68237
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 68237 แบบที่หนึ่ง
- 68237
- 181
- 377
- 13
- 29
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 68237 แบบที่สอง
- 68237
- 13
- 5249
- 29
- 181
ดังนั้น 68237 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
68237 =
13 x 29 x 181
2. การแยกตัวประกอบของ 68237 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 68237 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 68237 นั้นก็คือ 13, 29, 181 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 68237
13)6823729)5249181)1811ดังนั้น 68237 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้68237 = 13 x 29 x 181วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 68237
1แยกตัวประกอบของ 68237 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 131 x 291 x 18112ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 29 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 181 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 68237 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 68237 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 68237 นั้นก็คือ 13, 29, 181 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 68237
13
)68237
29
)5249
181
)181
1
ดังนั้น 68237 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
68237 = 13 x 29 x 181
1แยกตัวประกอบของ 68237 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 131 x 291 x 1811
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 29 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 181 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 68237 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 68237 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇