ตัวประกอบของ 477 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 477
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 477 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 477 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 477 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 477 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 477 มีทั้งหมด 6 ตัวคือ 1, 3, 9, 53, 159, 477
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
477 ÷ 1 | = | 477 | เหลือเศษ 0 |
477 ÷ 3 | = | 159 | เหลือเศษ 0 |
477 ÷ 9 | = | 53 | เหลือเศษ 0 |
477 ÷ 53 | = | 9 | เหลือเศษ 0 |
477 ÷ 159 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
477 ÷ 477 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 477
1 x 477 | = | 477 |
3 x 159 | = | 477 |
9 x 53 | = | 477 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 477
1 + 3 + 9 + 53 + 159 + 477 = 702
▶ ตัวประกอบของ 477 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 2 ตัวดังนี้
3, 53
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 477 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
477 = 3 x 3 x 53
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเเขียนการแยกตัวประกอบของ 477 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
477 = 32 x 53
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเเขียนการแยกตัวประกอบของ 477 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
477 = 32 x 53
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 477 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 477 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 477 มา 1 คู่ เช่น 3 x 159
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 477
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 477 แบบที่หนึ่ง
- 477
- 9
- 3
- 3
- 53
- 9
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 477 แบบที่สอง
- 477
- 3
- 159
- 3
- 53
ดังนั้น 477 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
477 =
3 x 3 x 53
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
477 =
32 x 53 หรือ 32 x 531
2. การแยกตัวประกอบของ 477 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 477 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 477 นั้นก็คือ 3, 53 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 477
3)4773)15953)531ดังนั้น 477 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้477 = 3 x 3 x 53หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง477 = 32 x 53 หรือ 32 x 531วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 477
1แยกตัวประกอบของ 477 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 32 x 5312ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 53 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 = 6✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 477 มีทั้งหมด 6 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 477 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 477 นั้นก็คือ 3, 53 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 477
3
)477
3
)159
53
)53
1
ดังนั้น 477 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
477 = 3 x 3 x 53
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
477 = 32 x 53 หรือ 32 x 531
1แยกตัวประกอบของ 477 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 32 x 531
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 53 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 = 6✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 477 มีทั้งหมด 6 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 477 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇