ตัวประกอบของ 3497 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 3497
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 3497 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 3497 ได้ลงตัว
▶
▶ 2. การแยกตัวประกอบของ 3497 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 3497 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 3497 มีทั้งหมด 4 ตัวคือ 1, 13, 269, 3497
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
| 3497 ÷ 1 | = | 3497 | เหลือเศษ 0 |
| 3497 ÷ 13 | = | 269 | เหลือเศษ 0 |
| 3497 ÷ 269 | = | 13 | เหลือเศษ 0 |
| 3497 ÷ 3497 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 3497
| 1 x 3497 | = | 3497 |
| 13 x 269 | = | 3497 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 3497
1 + 13 + 269 + 3497 = 3780
▶ ตัวประกอบของ 3497 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 2 ตัวดังนี้
13, 269
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 3497 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
3497 = 13 x 269
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 3497 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 3497 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 3497 มา 1 คู่ เช่น 13 x 269
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 3497
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 3497
- 3497
- 13
- 269
ดังนั้น 3497 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
3497 =
13 x 269
2. การแยกตัวประกอบของ 3497 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 3497 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 3497 นั้นก็คือ 13, 269 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 3497
13)3497269)2691ดังนั้น 3497 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้3497 = 13 x 269วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 3497
1แยกตัวประกอบของ 3497 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 131 x 26912ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 269 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 = 4✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 3497 มีทั้งหมด 4 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 3497 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 3497 นั้นก็คือ 13, 269 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 3497
13
)3497
269
)269
1
ดังนั้น 3497 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
3497 = 13 x 269
1แยกตัวประกอบของ 3497 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 131 x 2691
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 269 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 = 4✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 3497 มีทั้งหมด 4 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 3497 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇