โปรแกรมหาตัวประกอบของจำนวนนับ
ใส่ตัวเลขที่ต้องการหาตัวประกอบ โปรแกรมจะแสดงคำตอบและวิธีการแยกตัวประกอบให้อัตโนมัติ
เทพควิช-lnwquiz

ตัวประกอบของ 25002 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 25002

คำนิยาม

ตัวประกอบของ 25002 มีอะไรบ้าง

ตัวประกอบของ 25002 มีทั้งหมด 16 ตัวคือ 1, 2, 3, 6, 9, 18, 27, 54, 463, 926, 1389, 2778, 4167, 8334, 12501, 25002
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
25002 ÷ 1=25002เหลือเศษ 0
25002 ÷ 2=12501เหลือเศษ 0
25002 ÷ 3=8334เหลือเศษ 0
25002 ÷ 6=4167เหลือเศษ 0
25002 ÷ 9=2778เหลือเศษ 0
25002 ÷ 18=1389เหลือเศษ 0
25002 ÷ 27=926เหลือเศษ 0
25002 ÷ 54=463เหลือเศษ 0
25002 ÷ 463=54เหลือเศษ 0
25002 ÷ 926=27เหลือเศษ 0
25002 ÷ 1389=18เหลือเศษ 0
25002 ÷ 2778=9เหลือเศษ 0
25002 ÷ 4167=6เหลือเศษ 0
25002 ÷ 8334=3เหลือเศษ 0
25002 ÷ 12501=2เหลือเศษ 0
25002 ÷ 25002=1เหลือเศษ 0
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 25002
1 x 25002
2 x 12501
3 x 8334
6 x 4167
9 x 2778
18 x 1389
27 x 926
54 x 463
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 25002
1 + 2 + 3 + 6 + 9 + 18 + 27 + 54 + 463 + 926 + 1389 + 2778 + 4167 + 8334 + 12501 + 25002 = 55680
ตัวประกอบของ 25002 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 3, 463
การแยกตัวประกอบคืออะไร

25002 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้

25002 = 2 x 3 x 3 x 3 x 463
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 25002 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
25002 = 2 x 33 x 463
วิธีการแยกตัวประกอบ

1. การแยกตัวประกอบของ 25002 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲

วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 25002 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 25002 มา 1 คู่ เช่น 2 x 12501
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25002
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 25002 แบบที่หนึ่ง
  • 25002
    • 54
      • 6
        • 2
        • 3
      • 9
        • 3
        • 3
    • 463

ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 25002 แบบที่สอง
  • 25002
    • 2
    • 12501
      • 3
      • 4167
        • 3
        • 1389
          • 3
          • 463
ดังนั้น 25002 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25002 = 2 x 3 x 3 x 3 x 463
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
25002 = 2 x 33 x 463 หรือ 21 x 33 x 4631

2. การแยกตัวประกอบของ 25002 ด้วยวิธีหารสั้น

วิธีทำ
1หาร 25002 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 25002 นั้นก็คือ 2, 3, 463 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25002

2
)25002
3
)12501
3
)4167
3
)1389
463
)463
1
ดังนั้น 25002 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25002 = 2 x 3 x 3 x 3 x 463
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
25002 = 2 x 33 x 463 หรือ 21 x 33 x 4631

วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 25002

1แยกตัวประกอบของ 25002 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 33 x 4631
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
  • 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
  • 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 3 ให้เอา 3 + 1 = 4
  • 👉 463 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 4 x 2 = 16
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 25002 มีทั้งหมด 16 ตัว
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 25002 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇