ตัวประกอบของ 13102 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 13102
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 13102 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 13102 ได้ลงตัว
▶
▶ 2. การแยกตัวประกอบของ 13102 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 13102 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 13102 มีทั้งหมด 4 ตัวคือ 1, 2, 6551, 13102
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
| 13102 ÷ 1 | = | 13102 | เหลือเศษ 0 |
| 13102 ÷ 2 | = | 6551 | เหลือเศษ 0 |
| 13102 ÷ 6551 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
| 13102 ÷ 13102 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 13102
| 1 x 13102 | = | 13102 |
| 2 x 6551 | = | 13102 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 13102
1 + 2 + 6551 + 13102 = 19656
▶ ตัวประกอบของ 13102 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 2 ตัวดังนี้
2, 6551
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 13102 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
13102 = 2 x 6551
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 13102 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 13102 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 13102 มา 1 คู่ เช่น 2 x 6551
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 13102
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 13102
- 13102
- 2
- 6551
ดังนั้น 13102 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
13102 =
2 x 6551
2. การแยกตัวประกอบของ 13102 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 13102 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 13102 นั้นก็คือ 2, 6551 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 13102
2)131026551)65511ดังนั้น 13102 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้13102 = 2 x 6551วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 13102
1แยกตัวประกอบของ 13102 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 655112ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 6551 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 = 4✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 13102 มีทั้งหมด 4 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 13102 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 13102 นั้นก็คือ 2, 6551 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 13102
2
)13102
6551
)6551
1
ดังนั้น 13102 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
13102 = 2 x 6551
1แยกตัวประกอบของ 13102 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 65511
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 6551 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 = 4✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 13102 มีทั้งหมด 4 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 13102 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇
