ตัวประกอบของ 11952 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 11952
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 11952 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 11952 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 11952 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 11952 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 11952 มีทั้งหมด 30 ตัวคือ 1, 2, 3, 4, 6, 8, 9, 12, 16, 18, 24, 36, 48, 72, 83, 144, 166, 249, 332, 498, 664, 747, 996, 1328, 1494, 1992, 2988, 3984, 5976, 11952
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
| 11952 ÷ 1 | = | 11952 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 2 | = | 5976 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 3 | = | 3984 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 4 | = | 2988 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 6 | = | 1992 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 8 | = | 1494 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 9 | = | 1328 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 12 | = | 996 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 16 | = | 747 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 18 | = | 664 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 24 | = | 498 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 36 | = | 332 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 48 | = | 249 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 72 | = | 166 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 83 | = | 144 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 144 | = | 83 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 166 | = | 72 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 249 | = | 48 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 332 | = | 36 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 498 | = | 24 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 664 | = | 18 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 747 | = | 16 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 996 | = | 12 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 1328 | = | 9 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 1494 | = | 8 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 1992 | = | 6 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 2988 | = | 4 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 3984 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 5976 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
| 11952 ÷ 11952 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 11952
| 1 x 11952 | = | 11952 |
| 2 x 5976 | = | 11952 |
| 3 x 3984 | = | 11952 |
| 4 x 2988 | = | 11952 |
| 6 x 1992 | = | 11952 |
| 8 x 1494 | = | 11952 |
| 9 x 1328 | = | 11952 |
| 12 x 996 | = | 11952 |
| 16 x 747 | = | 11952 |
| 18 x 664 | = | 11952 |
| 24 x 498 | = | 11952 |
| 36 x 332 | = | 11952 |
| 48 x 249 | = | 11952 |
| 72 x 166 | = | 11952 |
| 83 x 144 | = | 11952 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 11952
1 + 2 + 3 + 4 + 6 + 8 + 9 + 12 + 16 + 18 + 24 + 36 + 48 + 72 + 83 + 144 + 166 + 249 + 332 + 498 + 664 + 747 + 996 + 1328 + 1494 + 1992 + 2988 + 3984 + 5976 + 11952 = 33852
▶ ตัวประกอบของ 11952 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 3, 83
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 11952 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
11952 = 2 x 2 x 2 x 2 x 3 x 3 x 83
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 11952 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
11952 = 24 x 32 x 83
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 11952 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
11952 = 24 x 32 x 83
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 11952 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 11952 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 11952 มา 1 คู่ เช่น 2 x 5976
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 11952
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 11952 แบบที่หนึ่ง
- 11952
- 83
- 144
- 12
- 3
- 4
- 2
- 2
- 12
- 3
- 4
- 2
- 2
- 12
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 11952 แบบที่สอง
- 11952
- 2
- 5976
- 2
- 2988
- 2
- 1494
- 2
- 747
- 3
- 249
- 3
- 83
ดังนั้น 11952 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
11952 =
2 x 2 x 2 x 2 x 3 x 3 x 83
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
11952 =
24 x 32 x 83 หรือ 24 x 32 x 831
2. การแยกตัวประกอบของ 11952 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 11952 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 11952 นั้นก็คือ 2, 3, 83 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 11952
2)119522)59762)29882)14943)7473)24983)831ดังนั้น 11952 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้11952 = 2 x 2 x 2 x 2 x 3 x 3 x 83หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง11952 = 24 x 32 x 83 หรือ 24 x 32 x 831วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 11952
1แยกตัวประกอบของ 11952 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 24 x 32 x 8312ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 4 ให้เอา 4 + 1 = 5
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 83 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 5 x 3 x 2 = 30✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 11952 มีทั้งหมด 30 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 11952 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 11952 นั้นก็คือ 2, 3, 83 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 11952
2
)11952
2
)5976
2
)2988
2
)1494
3
)747
3
)249
83
)83
1
ดังนั้น 11952 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
11952 = 2 x 2 x 2 x 2 x 3 x 3 x 83
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
11952 = 24 x 32 x 83 หรือ 24 x 32 x 831
1แยกตัวประกอบของ 11952 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 24 x 32 x 831
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 4 ให้เอา 4 + 1 = 5
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 83 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 5 x 3 x 2 = 30✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 11952 มีทั้งหมด 30 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 11952 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇