โปรแกรมหาตัวประกอบของจำนวนนับ
ใส่ตัวเลขที่ต้องการหาตัวประกอบ โปรแกรมจะแสดงคำตอบและวิธีการแยกตัวประกอบให้อัตโนมัติ
เทพควิช-lnwquiz

ตัวประกอบของ 10520 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 10520

คำนิยาม

ตัวประกอบของ 10520 มีอะไรบ้าง

ตัวประกอบของ 10520 มีทั้งหมด 16 ตัวคือ 1, 2, 4, 5, 8, 10, 20, 40, 263, 526, 1052, 1315, 2104, 2630, 5260, 10520
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
10520 ÷ 1=10520เหลือเศษ 0
10520 ÷ 2=5260เหลือเศษ 0
10520 ÷ 4=2630เหลือเศษ 0
10520 ÷ 5=2104เหลือเศษ 0
10520 ÷ 8=1315เหลือเศษ 0
10520 ÷ 10=1052เหลือเศษ 0
10520 ÷ 20=526เหลือเศษ 0
10520 ÷ 40=263เหลือเศษ 0
10520 ÷ 263=40เหลือเศษ 0
10520 ÷ 526=20เหลือเศษ 0
10520 ÷ 1052=10เหลือเศษ 0
10520 ÷ 1315=8เหลือเศษ 0
10520 ÷ 2104=5เหลือเศษ 0
10520 ÷ 2630=4เหลือเศษ 0
10520 ÷ 5260=2เหลือเศษ 0
10520 ÷ 10520=1เหลือเศษ 0
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 10520
1 x 10520
2 x 5260
4 x 2630
5 x 2104
8 x 1315
10 x 1052
20 x 526
40 x 263
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 10520
1 + 2 + 4 + 5 + 8 + 10 + 20 + 40 + 263 + 526 + 1052 + 1315 + 2104 + 2630 + 5260 + 10520 = 23760
ตัวประกอบของ 10520 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 5, 263
การแยกตัวประกอบคืออะไร

10520 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้

10520 = 2 x 2 x 2 x 5 x 263
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 10520 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
10520 = 23 x 5 x 263
วิธีการแยกตัวประกอบ

1. การแยกตัวประกอบของ 10520 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲

วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 10520 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 10520 มา 1 คู่ เช่น 2 x 5260
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 10520
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 10520 แบบที่หนึ่ง
  • 10520
    • 40
      • 5
      • 8
        • 2
        • 4
          • 2
          • 2
    • 263

ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 10520 แบบที่สอง
  • 10520
    • 2
    • 5260
      • 2
      • 2630
        • 2
        • 1315
          • 5
          • 263
ดังนั้น 10520 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
10520 = 2 x 2 x 2 x 5 x 263
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
10520 = 23 x 5 x 263 หรือ 23 x 51 x 2631

2. การแยกตัวประกอบของ 10520 ด้วยวิธีหารสั้น

วิธีทำ
1หาร 10520 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 10520 นั้นก็คือ 2, 5, 263 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 10520

2
)10520
2
)5260
2
)2630
5
)1315
263
)263
1
ดังนั้น 10520 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
10520 = 2 x 2 x 2 x 5 x 263
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
10520 = 23 x 5 x 263 หรือ 23 x 51 x 2631

วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 10520

1แยกตัวประกอบของ 10520 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 23 x 51 x 2631
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
  • 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 3 ให้เอา 3 + 1 = 4
  • 👉 5 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
  • 👉 263 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 4 x 2 x 2 = 16
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 10520 มีทั้งหมด 16 ตัว
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 10520 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇