ตัวประกอบของ 3507 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 3507
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 3507 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 3507 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 3507 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 3507 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 3507 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 3, 7, 21, 167, 501, 1169, 3507
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
3507 ÷ 1 | = | 3507 | เหลือเศษ 0 |
3507 ÷ 3 | = | 1169 | เหลือเศษ 0 |
3507 ÷ 7 | = | 501 | เหลือเศษ 0 |
3507 ÷ 21 | = | 167 | เหลือเศษ 0 |
3507 ÷ 167 | = | 21 | เหลือเศษ 0 |
3507 ÷ 501 | = | 7 | เหลือเศษ 0 |
3507 ÷ 1169 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
3507 ÷ 3507 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 3507
1 x 3507 | = | 3507 |
3 x 1169 | = | 3507 |
7 x 501 | = | 3507 |
21 x 167 | = | 3507 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 3507
1 + 3 + 7 + 21 + 167 + 501 + 1169 + 3507 = 5376
▶ ตัวประกอบของ 3507 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
3, 7, 167
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 3507 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
3507 = 3 x 7 x 167
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 3507 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 3507 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 3507 มา 1 คู่ เช่น 3 x 1169
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 3507
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 3507 แบบที่หนึ่ง
- 3507
- 21
- 3
- 7
- 167
- 21
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 3507 แบบที่สอง
- 3507
- 3
- 1169
- 7
- 167
ดังนั้น 3507 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
3507 =
3 x 7 x 167
2. การแยกตัวประกอบของ 3507 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 3507 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 3507 นั้นก็คือ 3, 7, 167 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 3507
3)35077)1169167)1671ดังนั้น 3507 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้3507 = 3 x 7 x 167วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 3507
1แยกตัวประกอบของ 3507 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 31 x 71 x 16712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 167 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 3507 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 3507 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 3507 นั้นก็คือ 3, 7, 167 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 3507
3
)3507
7
)1169
167
)167
1
ดังนั้น 3507 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
3507 = 3 x 7 x 167
1แยกตัวประกอบของ 3507 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 31 x 71 x 1671
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 167 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 3507 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 3507 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇