โปรแกรมหาตัวประกอบของจำนวนนับ
ใส่ตัวเลขที่ต้องการหาตัวประกอบ โปรแกรมจะแสดงคำตอบและวิธีการแยกตัวประกอบให้อัตโนมัติ
เทพควิช-lnwquiz

ตัวประกอบของ 25530 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 25530

คำนิยาม

ตัวประกอบของ 25530 มีอะไรบ้าง

ตัวประกอบของ 25530 มีทั้งหมด 32 ตัวคือ 1, 2, 3, 5, 6, 10, 15, 23, 30, 37, 46, 69, 74, 111, 115, 138, 185, 222, 230, 345, 370, 555, 690, 851, 1110, 1702, 2553, 4255, 5106, 8510, 12765, 25530
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
25530 ÷ 1=25530เหลือเศษ 0
25530 ÷ 2=12765เหลือเศษ 0
25530 ÷ 3=8510เหลือเศษ 0
25530 ÷ 5=5106เหลือเศษ 0
25530 ÷ 6=4255เหลือเศษ 0
25530 ÷ 10=2553เหลือเศษ 0
25530 ÷ 15=1702เหลือเศษ 0
25530 ÷ 23=1110เหลือเศษ 0
25530 ÷ 30=851เหลือเศษ 0
25530 ÷ 37=690เหลือเศษ 0
25530 ÷ 46=555เหลือเศษ 0
25530 ÷ 69=370เหลือเศษ 0
25530 ÷ 74=345เหลือเศษ 0
25530 ÷ 111=230เหลือเศษ 0
25530 ÷ 115=222เหลือเศษ 0
25530 ÷ 138=185เหลือเศษ 0
25530 ÷ 185=138เหลือเศษ 0
25530 ÷ 222=115เหลือเศษ 0
25530 ÷ 230=111เหลือเศษ 0
25530 ÷ 345=74เหลือเศษ 0
25530 ÷ 370=69เหลือเศษ 0
25530 ÷ 555=46เหลือเศษ 0
25530 ÷ 690=37เหลือเศษ 0
25530 ÷ 851=30เหลือเศษ 0
25530 ÷ 1110=23เหลือเศษ 0
25530 ÷ 1702=15เหลือเศษ 0
25530 ÷ 2553=10เหลือเศษ 0
25530 ÷ 4255=6เหลือเศษ 0
25530 ÷ 5106=5เหลือเศษ 0
25530 ÷ 8510=3เหลือเศษ 0
25530 ÷ 12765=2เหลือเศษ 0
25530 ÷ 25530=1เหลือเศษ 0
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 25530
1 x 25530
2 x 12765
3 x 8510
5 x 5106
6 x 4255
10 x 2553
15 x 1702
23 x 1110
30 x 851
37 x 690
46 x 555
69 x 370
74 x 345
111 x 230
115 x 222
138 x 185
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 25530
1 + 2 + 3 + 5 + 6 + 10 + 15 + 23 + 30 + 37 + 46 + 69 + 74 + 111 + 115 + 138 + 185 + 222 + 230 + 345 + 370 + 555 + 690 + 851 + 1110 + 1702 + 2553 + 4255 + 5106 + 8510 + 12765 + 25530 = 65664
ตัวประกอบของ 25530 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 5 ตัวดังนี้
2, 3, 5, 23, 37
การแยกตัวประกอบคืออะไร

25530 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้

25530 = 2 x 3 x 5 x 23 x 37
วิธีการแยกตัวประกอบ

1. การแยกตัวประกอบของ 25530 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲

วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 25530 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 25530 มา 1 คู่ เช่น 2 x 12765
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25530
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 25530 แบบที่หนึ่ง
  • 25530
    • 138
      • 6
        • 2
        • 3
      • 23
    • 185
      • 5
      • 37

ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 25530 แบบที่สอง
  • 25530
    • 2
    • 12765
      • 3
      • 4255
        • 5
        • 851
          • 23
          • 37
ดังนั้น 25530 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25530 = 2 x 3 x 5 x 23 x 37

2. การแยกตัวประกอบของ 25530 ด้วยวิธีหารสั้น

วิธีทำ
1หาร 25530 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 25530 นั้นก็คือ 2, 3, 5, 23, 37 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25530

2
)25530
3
)12765
5
)4255
23
)851
37
)37
1
ดังนั้น 25530 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25530 = 2 x 3 x 5 x 23 x 37

วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 25530

1แยกตัวประกอบของ 25530 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 31 x 51 x 231 x 371
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
  • 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
  • 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
  • 👉 5 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
  • 👉 23 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
  • 👉 37 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 x 2 x 2 = 32
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 25530 มีทั้งหมด 32 ตัว
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 25530 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇