ตัวประกอบของ 25017 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 25017
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 25017 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 25017 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 25017 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 25017 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 25017 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 3, 31, 93, 269, 807, 8339, 25017
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
25017 ÷ 1 | = | 25017 | เหลือเศษ 0 |
25017 ÷ 3 | = | 8339 | เหลือเศษ 0 |
25017 ÷ 31 | = | 807 | เหลือเศษ 0 |
25017 ÷ 93 | = | 269 | เหลือเศษ 0 |
25017 ÷ 269 | = | 93 | เหลือเศษ 0 |
25017 ÷ 807 | = | 31 | เหลือเศษ 0 |
25017 ÷ 8339 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
25017 ÷ 25017 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 25017
1 x 25017 | = | 25017 |
3 x 8339 | = | 25017 |
31 x 807 | = | 25017 |
93 x 269 | = | 25017 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 25017
1 + 3 + 31 + 93 + 269 + 807 + 8339 + 25017 = 34560
▶ ตัวประกอบของ 25017 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
3, 31, 269
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 25017 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25017 = 3 x 31 x 269
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 25017 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 25017 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 25017 มา 1 คู่ เช่น 3 x 8339
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25017
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 25017 แบบที่หนึ่ง
- 25017
- 93
- 3
- 31
- 269
- 93
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 25017 แบบที่สอง
- 25017
- 3
- 8339
- 31
- 269
ดังนั้น 25017 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25017 =
3 x 31 x 269
2. การแยกตัวประกอบของ 25017 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 25017 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 25017 นั้นก็คือ 3, 31, 269 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25017
3)2501731)8339269)2691ดังนั้น 25017 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้25017 = 3 x 31 x 269วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 25017
1แยกตัวประกอบของ 25017 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 31 x 311 x 26912ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 31 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 269 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 25017 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 25017 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 25017 นั้นก็คือ 3, 31, 269 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25017
3
)25017
31
)8339
269
)269
1
ดังนั้น 25017 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25017 = 3 x 31 x 269
1แยกตัวประกอบของ 25017 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 31 x 311 x 2691
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 31 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 269 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 25017 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 25017 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇