ตัวประกอบของ 6815 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 6815
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 6815 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 6815 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 6815 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 6815 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 6815 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 5, 29, 47, 145, 235, 1363, 6815
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
6815 ÷ 1 | = | 6815 | เหลือเศษ 0 |
6815 ÷ 5 | = | 1363 | เหลือเศษ 0 |
6815 ÷ 29 | = | 235 | เหลือเศษ 0 |
6815 ÷ 47 | = | 145 | เหลือเศษ 0 |
6815 ÷ 145 | = | 47 | เหลือเศษ 0 |
6815 ÷ 235 | = | 29 | เหลือเศษ 0 |
6815 ÷ 1363 | = | 5 | เหลือเศษ 0 |
6815 ÷ 6815 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 6815
1 x 6815 | = | 6815 |
5 x 1363 | = | 6815 |
29 x 235 | = | 6815 |
47 x 145 | = | 6815 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 6815
1 + 5 + 29 + 47 + 145 + 235 + 1363 + 6815 = 8640
▶ ตัวประกอบของ 6815 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
5, 29, 47
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 6815 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
6815 = 5 x 29 x 47
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 6815 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 6815 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 6815 มา 1 คู่ เช่น 5 x 1363
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 6815
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 6815 แบบที่หนึ่ง
- 6815
- 47
- 145
- 5
- 29
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 6815 แบบที่สอง
- 6815
- 5
- 1363
- 29
- 47
ดังนั้น 6815 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
6815 =
5 x 29 x 47
2. การแยกตัวประกอบของ 6815 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 6815 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 6815 นั้นก็คือ 5, 29, 47 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 6815
5)681529)136347)471ดังนั้น 6815 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้6815 = 5 x 29 x 47วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 6815
1แยกตัวประกอบของ 6815 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 51 x 291 x 4712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 5 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 29 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 47 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 6815 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 6815 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 6815 นั้นก็คือ 5, 29, 47 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 6815
5
)6815
29
)1363
47
)47
1
ดังนั้น 6815 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
6815 = 5 x 29 x 47
1แยกตัวประกอบของ 6815 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 51 x 291 x 471
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 5 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 29 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 47 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 6815 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 6815 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇