ตัวประกอบของ 66157 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 66157
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 66157 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 66157 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 66157 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 66157 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 66157 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 7, 13, 91, 727, 5089, 9451, 66157
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
66157 ÷ 1 | = | 66157 | เหลือเศษ 0 |
66157 ÷ 7 | = | 9451 | เหลือเศษ 0 |
66157 ÷ 13 | = | 5089 | เหลือเศษ 0 |
66157 ÷ 91 | = | 727 | เหลือเศษ 0 |
66157 ÷ 727 | = | 91 | เหลือเศษ 0 |
66157 ÷ 5089 | = | 13 | เหลือเศษ 0 |
66157 ÷ 9451 | = | 7 | เหลือเศษ 0 |
66157 ÷ 66157 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 66157
1 x 66157 | = | 66157 |
7 x 9451 | = | 66157 |
13 x 5089 | = | 66157 |
91 x 727 | = | 66157 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 66157
1 + 7 + 13 + 91 + 727 + 5089 + 9451 + 66157 = 81536
▶ ตัวประกอบของ 66157 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
7, 13, 727
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 66157 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
66157 = 7 x 13 x 727
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 66157 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 66157 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 66157 มา 1 คู่ เช่น 7 x 9451
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 66157
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 66157 แบบที่หนึ่ง
- 66157
- 91
- 7
- 13
- 727
- 91
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 66157 แบบที่สอง
- 66157
- 7
- 9451
- 13
- 727
ดังนั้น 66157 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
66157 =
7 x 13 x 727
2. การแยกตัวประกอบของ 66157 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 66157 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 66157 นั้นก็คือ 7, 13, 727 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 66157
7)6615713)9451727)7271ดังนั้น 66157 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้66157 = 7 x 13 x 727วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 66157
1แยกตัวประกอบของ 66157 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 71 x 131 x 72712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 727 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 66157 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 66157 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 66157 นั้นก็คือ 7, 13, 727 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 66157
7
)66157
13
)9451
727
)727
1
ดังนั้น 66157 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
66157 = 7 x 13 x 727
1แยกตัวประกอบของ 66157 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 71 x 131 x 7271
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 727 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 66157 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 66157 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇