ตัวประกอบของ 6454 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 6454
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 6454 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 6454 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 6454 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 6454 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 6454 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 7, 14, 461, 922, 3227, 6454
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
6454 ÷ 1 | = | 6454 | เหลือเศษ 0 |
6454 ÷ 2 | = | 3227 | เหลือเศษ 0 |
6454 ÷ 7 | = | 922 | เหลือเศษ 0 |
6454 ÷ 14 | = | 461 | เหลือเศษ 0 |
6454 ÷ 461 | = | 14 | เหลือเศษ 0 |
6454 ÷ 922 | = | 7 | เหลือเศษ 0 |
6454 ÷ 3227 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
6454 ÷ 6454 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 6454
1 x 6454 | = | 6454 |
2 x 3227 | = | 6454 |
7 x 922 | = | 6454 |
14 x 461 | = | 6454 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 6454
1 + 2 + 7 + 14 + 461 + 922 + 3227 + 6454 = 11088
▶ ตัวประกอบของ 6454 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 7, 461
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 6454 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
6454 = 2 x 7 x 461
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 6454 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 6454 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 6454 มา 1 คู่ เช่น 2 x 3227
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 6454
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 6454 แบบที่หนึ่ง
- 6454
- 14
- 2
- 7
- 461
- 14
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 6454 แบบที่สอง
- 6454
- 2
- 3227
- 7
- 461
ดังนั้น 6454 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
6454 =
2 x 7 x 461
2. การแยกตัวประกอบของ 6454 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 6454 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 6454 นั้นก็คือ 2, 7, 461 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 6454
2)64547)3227461)4611ดังนั้น 6454 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้6454 = 2 x 7 x 461วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 6454
1แยกตัวประกอบของ 6454 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 71 x 46112ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 461 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 6454 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 6454 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 6454 นั้นก็คือ 2, 7, 461 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 6454
2
)6454
7
)3227
461
)461
1
ดังนั้น 6454 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
6454 = 2 x 7 x 461
1แยกตัวประกอบของ 6454 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 71 x 4611
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 461 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 6454 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 6454 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇