ตัวประกอบของ 5467 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 5467
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 5467 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 5467 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 5467 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 5467 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 5467 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 7, 11, 71, 77, 497, 781, 5467
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
5467 ÷ 1 | = | 5467 | เหลือเศษ 0 |
5467 ÷ 7 | = | 781 | เหลือเศษ 0 |
5467 ÷ 11 | = | 497 | เหลือเศษ 0 |
5467 ÷ 71 | = | 77 | เหลือเศษ 0 |
5467 ÷ 77 | = | 71 | เหลือเศษ 0 |
5467 ÷ 497 | = | 11 | เหลือเศษ 0 |
5467 ÷ 781 | = | 7 | เหลือเศษ 0 |
5467 ÷ 5467 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 5467
1 x 5467 | = | 5467 |
7 x 781 | = | 5467 |
11 x 497 | = | 5467 |
71 x 77 | = | 5467 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 5467
1 + 7 + 11 + 71 + 77 + 497 + 781 + 5467 = 6912
▶ ตัวประกอบของ 5467 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
7, 11, 71
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 5467 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5467 = 7 x 11 x 71
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 5467 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 5467 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 5467 มา 1 คู่ เช่น 7 x 781
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5467
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 5467 แบบที่หนึ่ง
- 5467
- 71
- 77
- 7
- 11
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 5467 แบบที่สอง
- 5467
- 7
- 781
- 11
- 71
ดังนั้น 5467 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5467 =
7 x 11 x 71
2. การแยกตัวประกอบของ 5467 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 5467 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 5467 นั้นก็คือ 7, 11, 71 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5467
7)546711)78171)711ดังนั้น 5467 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้5467 = 7 x 11 x 71วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 5467
1แยกตัวประกอบของ 5467 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 71 x 111 x 7112ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 11 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 71 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 5467 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 5467 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 5467 นั้นก็คือ 7, 11, 71 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5467
7
)5467
11
)781
71
)71
1
ดังนั้น 5467 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5467 = 7 x 11 x 71
1แยกตัวประกอบของ 5467 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 71 x 111 x 711
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 11 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 71 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 5467 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 5467 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇