ตัวประกอบของ 2802 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 2802
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 2802 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 2802 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 2802 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 2802 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 2802 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 3, 6, 467, 934, 1401, 2802
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
| 2802 ÷ 1 | = | 2802 | เหลือเศษ 0 |
| 2802 ÷ 2 | = | 1401 | เหลือเศษ 0 |
| 2802 ÷ 3 | = | 934 | เหลือเศษ 0 |
| 2802 ÷ 6 | = | 467 | เหลือเศษ 0 |
| 2802 ÷ 467 | = | 6 | เหลือเศษ 0 |
| 2802 ÷ 934 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
| 2802 ÷ 1401 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
| 2802 ÷ 2802 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 2802
| 1 x 2802 | = | 2802 |
| 2 x 1401 | = | 2802 |
| 3 x 934 | = | 2802 |
| 6 x 467 | = | 2802 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 2802
1 + 2 + 3 + 6 + 467 + 934 + 1401 + 2802 = 5616
▶ ตัวประกอบของ 2802 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 3, 467
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 2802 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
2802 = 2 x 3 x 467
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 2802 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 2802 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 2802 มา 1 คู่ เช่น 2 x 1401
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 2802
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 2802 แบบที่หนึ่ง
- 2802
- 6
- 2
- 3
- 467
- 6
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 2802 แบบที่สอง
- 2802
- 2
- 1401
- 3
- 467
ดังนั้น 2802 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
2802 =
2 x 3 x 467
2. การแยกตัวประกอบของ 2802 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 2802 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 2802 นั้นก็คือ 2, 3, 467 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 2802
2)28023)1401467)4671ดังนั้น 2802 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้2802 = 2 x 3 x 467วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 2802
1แยกตัวประกอบของ 2802 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 31 x 46712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 467 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 2802 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 2802 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 2802 นั้นก็คือ 2, 3, 467 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 2802
2
)2802
3
)1401
467
)467
1
ดังนั้น 2802 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
2802 = 2 x 3 x 467
1แยกตัวประกอบของ 2802 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 31 x 4671
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 467 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 2802 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 2802 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇