ตัวประกอบของ 2732 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 2732
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 2732 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 2732 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 2732 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 2732 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 2732 มีทั้งหมด 6 ตัวคือ 1, 2, 4, 683, 1366, 2732
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
2732 ÷ 1 | = | 2732 | เหลือเศษ 0 |
2732 ÷ 2 | = | 1366 | เหลือเศษ 0 |
2732 ÷ 4 | = | 683 | เหลือเศษ 0 |
2732 ÷ 683 | = | 4 | เหลือเศษ 0 |
2732 ÷ 1366 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
2732 ÷ 2732 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 2732
1 x 2732 | = | 2732 |
2 x 1366 | = | 2732 |
4 x 683 | = | 2732 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 2732
1 + 2 + 4 + 683 + 1366 + 2732 = 4788
▶ ตัวประกอบของ 2732 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 2 ตัวดังนี้
2, 683
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 2732 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
2732 = 2 x 2 x 683
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเเขียนการแยกตัวประกอบของ 2732 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
2732 = 22 x 683
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเเขียนการแยกตัวประกอบของ 2732 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
2732 = 22 x 683
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 2732 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 2732 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 2732 มา 1 คู่ เช่น 2 x 1366
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 2732
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 2732 แบบที่หนึ่ง
- 2732
- 4
- 2
- 2
- 683
- 4
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 2732 แบบที่สอง
- 2732
- 2
- 1366
- 2
- 683
ดังนั้น 2732 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
2732 =
2 x 2 x 683
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
2732 =
22 x 683 หรือ 22 x 6831
2. การแยกตัวประกอบของ 2732 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 2732 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 2732 นั้นก็คือ 2, 683 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 2732
2)27322)1366683)6831ดังนั้น 2732 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้2732 = 2 x 2 x 683หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง2732 = 22 x 683 หรือ 22 x 6831วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 2732
1แยกตัวประกอบของ 2732 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 22 x 68312ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 683 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 = 6✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 2732 มีทั้งหมด 6 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 2732 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 2732 นั้นก็คือ 2, 683 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 2732
2
)2732
2
)1366
683
)683
1
ดังนั้น 2732 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
2732 = 2 x 2 x 683
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
2732 = 22 x 683 หรือ 22 x 6831
1แยกตัวประกอบของ 2732 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 22 x 6831
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 683 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 = 6✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 2732 มีทั้งหมด 6 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 2732 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇